2. Toner : ปรับสมดุลผิว

โทนเนอร์คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ถูกสร้างมาเพื่อบูสความชุ่มชื้นให้แก่ผิว โดยส่วนมากมีเบสเป็นน้ำและประกอบไปด้วยสาร humectant ซึ่งเป็นสารช่วยดูดความชุ่มชื้นที่จะกักเก็บน้ำไว้ในผิวของเรา โทนเนอร์เป็นสเต็ปที่ 2  ถัดจากการทำความสะอาดที่จะช่วยปรับสมดุลและคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ซึ่งเป็นสเต็ปที่จะช่วยให้สกินแคร์ตัวถัดไปซึบเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. Moisturizer : เติมความชุ่มชื้น

ถ้าเคลนเซอร์เปรียบเสมือนสมองของสกินแคร์รูทีน มอยซ์เจอไรเซอร์ก็คือหัวใจของการบำรุงผิวซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ หน้าที่หลักของมอยซ์เจอไรเซอร์ก็คือการช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวและปกป้องการสูญเสียน้ำในผิวในช่วงระหว่างวัน มอยซ์เจอไรเซอร์จะช่วยปกป้องผิวชั้นบนสุด (Skin Barrier) ให้ชุ่มชื่นและสมดุล

4.Sunscreen : ปกป้องผิวและป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย

การทากันแดดเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เพราะนี่คือสเต็ปการบำรุงผิวที่จะช่วยคงความอ่อนเยาว์ไว้ในผิว โดยครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีที่เป็นตัวการทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวของเรา และเมื่ออายุเพิ่มขึ้นผิวของเราก็จะฟื้นตัวได้ช้าลงริ้วรอยและจุดด่างดำต่างๆ ดังนั้นเพื่อให้ผิวอ่อนเยาว์และเต็งตึงควรทากันแดดเป็นประจำวันทุกวัน

หลังจากมีสกินแคร์รูทีนขั้นพื้นฐานกันแล้ว มาเพิ่มมิติให้กับสกินแคร์รูทีนขึ้นเป็นระดับ Intermediate ด้วยผลิตภัณฑ์ช่วยฟื้นบำรุงล้ำลึก

Serum : ช่วยฟื้นบำรุงผิวและแก้แต่ละปัญหาผิวอย่างตรงจุด

เซรั่มเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมของ Active Ingredient สูง ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก ในปัจจุบันเซรั่มมีอยู่หลากหลายสูตร เช่นช่วยบูสความชุ่มชื่น ช่วยลดจุดด่างดำ และช่วยลดริ้วรอยเป็นต้น นิยมใช้เป็นขั้นตอนหลังการลงโทนเนอร์

Eye Treatment : ฟื้นบำรุงผิวรอบดวงตา

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใต้ตาเป็นสเต็ปที่หลายๆ คนอาจจะมองว่าไม่จำเป็น อย่างไรก็ตามผิวใต้ตานั้นบางและละเอียดอ่อนมากกว่าส่วนอื่นของร่างกาย การใช้อายทรีทเม้นต์ที่มีเนื้อสัมผัวที่บางเบาและซึมไวจึงเหมาะกับผิวบริเวณนั้นมากกว่า

Night Cream : เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการบำรุงผิวขณะที่นอนหลับ

กลางคืนเป็นช่วงเวลาที่ผิวของเราเปลี่ยนเข้าสู่โหมดของการฟื้นฟู ซึ่งสกินแคร์ในรูปแบบของไนท์ครีมก็ได้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้กระบวนการการฟื้นฟูผิวยามที่เรานอนหลับนั้นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยส่วนมากจะมีเนื้อสัมผัสที่หนาและเข้มข้นกว่าเดย์ครีม ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยคงให้ป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวที่มักจะแห้งและขาดน้ำได้ง่ายกว่าช่วงกลางวัน อย่างไรก็ตามมอยซ์เจอไรเซอร์ที่เป็นเดย์ครีมบางตัวที่มีเนื้อครีมเข้มข้นก็สามารถใช้ในช่วงกลางคืนได้เช่นกัน

Exfoliant : ผลิตภัณฑ์ช่วยผลัดเซลล์ผิว

ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ช่วยผลัดเซลล์ผิวมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่แบบ Physical Exfoliant อย่างเช่นสครับ และแบบ Chemical Exfoliant อย่างเช่นสารช่วยผลัดเซลล์ผิวในตระกูล AHA/ BHA และ PHA สิ่งที่สำคัญเวลาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยผลัดเซลล์ผิวคือควรคำนึงถึงสภาพผิว เช่นถ้าเป็นคนมีผิวผสมถึงผิวมัน และบอบบางแพ้ง่าย อาจจะเลี่ยงการใช้สครับที่อาจจะรุนแรงต่อผิวเกินไป แล้วเลือกใช้เป็นผลิตภัณฑ์ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของ  AHA/ BHA และ PHA ซึ่งจะช่วยผลัดเซลล์เก่าได้อย่างล้ำลึกกว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นสครับขัดผิว แนะนำว่าควรเริ่มที่เปอร์เซนต์ของสารผลัดเซลล์ผิวต่ำๆ ไว้ก่อน แล้วค่อยปรับเพิ่มขึ้นเมื่อผิวปรับตัวได้เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการระคาบเคือง

เพิ่มความเอ็กซ์ตร้าให้กับรูทีน ประกาศตนเป็นสกินแคร์จังกี้แบบจัดเต็มด้วยการเติมผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้การบำรุงผิวของเรามีประสิทธิภาพขึ้นไปอีกมิติ

มาส์ก 

ชีทมาส์กหรือมาส์กเป็นไอเท็มเสริมที่ช่วยเติมเต็มสกินแคร์รูทีน โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่นิยมใช้เมื่อผิวของเราโชว์ความเหนื่อยล้าหรือเมื่อต้องการให้ผิวกลับมาสุขภาพดีแบบเร่งด่วน

อุปกรณ์บิวตี้

อุปกรณ์อย่างเช่นลูกกลิ้งหินหยก (Jade Roller) และแปรงล้างหน้าอิเล็กทรอนิค เป็นไอเท็มเสริมที่ช่วยให้การลงสกินแคร์ของเราทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น