ไม่ว่าฤดูไหนๆ ครีมกันแดดก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทาเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะกับอากาศประเทศไทยที่แสนร้อน และพร้อมเบิร์นผิวได้ทุกเมื่อ แต่ถึงอย่างนั้นแม้จะทาครีมกันแดดเป็นประจำ หลายครั้งก็ยังพบเจอกับปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงผิวที่คล้ำลง สาเหตุอาจเป็นเพราะทาครีมกันแดดไม่ถูกวิธี ดังนั้นวันนี้โว้กบิวตี้จึงขอมาแนะนำทริคในการทาครีมกันแดดให้ถูกต้อง เพื่อช่วยปกป้องสภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมาฝากกัน

1. เลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว
วิธีแรกในการทาครีมกันแดดให้ถูกต้อง เริ่มต้นโดยการเลือกชนิดครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว เพราะหากเลือกครีมกันแดดที่หนักหน้าเกินไป จะทำให้เกิดผิวอุดตัน อีกทั้งยังไม่สามารถทาในปริมาณที่ถูกต้องได้ ดังนั้นมาดูกันว่าแต่ละสภาพผิวเหมาะกับครีมกันแดดชนิดไหนบ้าง
- ผิวมัน ควรเลือกชนิดครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบา ซึมเข้าผิวง่าย ไม่ทำให้อุดตัน โดยเฉพาะเนื้อลิควิด
เนื้อเจล เนื้อเซรั่ม เป็นต้น
- ผิวแห้ง ควรเลือกชนิดที่มีความเข้มข้น เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น เช่น เนื้อครีม
- ผิวแพ้ง่าย ควรเลือกชนิดครีมกันแดดที่มีความบางเบาคล้ายกับผิวมัน เช่น เนื้อเซรั่ม เนื้อสเปรย์

2. การเลือกค่า SPF และค่า PA
- คำนึงถึงการเผชิญแสงแดดมากน้อย
ค่า SPF คือค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (UVB) การเลือกค่า SPF ที่ถูกต้อง ควรคำนึงถึงกิจกรรมที่จะต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นสำคัญ เช่น หากต้องเผชิญแสงแดดอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน จำเป็นที่จะต้องเลือกค่า SPF ที่สูงกว่า 30 ขึ้นไป หรือหากคุณทำงานอยู่ที่บ้านก็สามารถเลือกค่า SPF ที่ต่ำลงได้ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังได้ระบุว่า ค่า SPF15 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 93% ,SPF 30 ป้องกันได้ 97% และ SPF 50 หรือมากกว่าสามารถป้องกันได้มากถึง 98%
- คำนึงถึงสภาพผิว
นอกจากการเลือกใช้ครีมกันแดดที่ถูกต้องจะต้องคำนึงถึงการเผชิญแสงแดดในชีวิตประจำวัน ยังจำเป็นต้องคำนึงถึงสภาพผิวในการเลือกค่า SPF ที่เหมาะสมด้วย หากคุณมีสภาพผิวที่แพ้ง่าย บอบบาง จำเป็นที่จะต้องเลือกค่า SPF สูงๆ เพราะผิวบอบบางมักทำปฏิกิริยาไวต่อแสงแดด ทำให้เกิดอาการแพ้ ผิวคล้ำเสียได้ง่าย
- การเลือกค่า PA
ค่า PA คือ ค่าระดับความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ (UVA) จำนวน + (บวก) จะเป็นตัวช่วยบอกความสามารถในการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ได้แก่
PA + สามารถปกป้องผิวได้ 2-4 เท่า
PA ++ สามารถปกป้องผิวได้ 4-8 เท่า
PA +++ สามารถปกป้องผิวได้ 8-16 เท่า
PA ++++ สามารถปกป้องผิวได้ 16 เท่า
ทั้งนี้แนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่มีการปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB

3. ทาครีมกันแดดในปริมาณที่ถูกต้อง
นอกจากเลือกครีมกันแดดให้ถูกต้องแล้ว การทาในปริมาณที่ถูกต้องก็จะช่วยให้ครีมกันแดดมีประสิทธิภาพ ปกป้องผิวได้สูงเช่นกัน โดยสามารถแบ่งประเภทครีมกันแดดได้ 2 ชนิด คือ
- ครีมกันแดดเนื้อครีม : ควรทาในปริมาณ 2 ข้อนิ้วชี้ หรือ 1 ช้อนชา
- ครีมกันแดดเนื้อน้ำ : ควรทาในปริมาณเท่าเหรียญ 10
แนะนำให้ทาโดยทั่วหน้า และไม่ลืมทาบริเวณลำคอด้วย หรือสำหรับครีมกันแดดทาตัว แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดประมาณ 1 แก้วช็อต จะมีประสิทธิภาพการป้องกันที่ได้ผลที่สุด

4. ทากันแดดให้ถูกเวลา
- ทาก่อนออกแดด 15 นาที
การทาครีมกันแดดที่ถูกต้องควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 นาที เพื่อให้ครีมกันแดดซึมเข้าผิว และสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับการไปทะเลหรือทำกิจกรรมทางน้ำ หากกันแดดยังไม่เซ็ตเข้าผิว อาจทำให้กันแดดที่ทาเข้าไปสูญเปล่าได้
- ควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
สำหรับคนที่ต้องเผชิญกับแสงแดดโดยตรง แนะนำให้ทากันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เพราะแสงแดดและมลภาวะ รวมถึงเหงื่อนั้นเป็นตัวการที่ช่วยลดประสิทธิภาพของครีมกันแดด แต่ถ้าหากอยู่ในห้องแอร์ ไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดสามารถเลือกทาเพียงรอบได้
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดที่เวลา 11:00-15:00 น.
เวลา 11:00-15:00 น. เป็นช่วงเวลาที่มีความเข้มของแสงแดดสูง หากเลี่ยงไม่ได้ก็ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA สูงๆ
SKINCAREเมื่อของหวานกลายเป็นสกินแคร์! ‘Classic Whip’ วิปครีมกันแดดใหม่จากแบรนด์ Vacation




