การนอนหลับไม่เพียงพอสามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นผิวหมองคล้ำ ใต้ตาคล้ำ ผิวแห้งขาดน้ำ หรือแม้แต่การเกิดสิวและริ้วรอยก่อนวัย การพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ยังมีวิธีฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูสดใสได้ โว้กบิวตี้มาบอกต่อวิธีง่ายๆ กับ 5 เคล็ดลับกู้ผิวโทรมให้กลับมาดูเปล่งปลั่งอีกครั้ง
-
ทำความสะอาดผิวให้สะอาดก่อนนอน
เข้าใจว่าเมื่อกลับถึงบ้านก็อยากพักผ่อนด้วยการอาบน้ำนอนดูซีรีส์ ทำให้หลายคนข้ามขั้นตอนการทำความสะอาดผิวก่อนนอนไป จริงๆ แล้วขั้นตอนนี้มีความสำคัญต่อผิวหน้าในตอนเช้าเป็นอย่างมาก ยิ่งปล่อยให้ใบหน้าสกปรกก็กลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย จนเกิดปัญหาสิวและความหมองคล้ำตามมาได้ ฉะนั้นควรล้างหน้าให้สะอาดด้วยเคลนเซอร์ที่มีความอ่อนโยน เพื่อไม่เป็นการทำร้ายผิวทางอ้อม และเติมความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์หรือสกินแคร์กลางคืนโดยเฉพาะก็จะช่วยบูสต์ผิวในตอนเช้าได้ดี
-
เลือกประเภทหรือส่วนผสมของสกินแคร์ให้ตรงจุด
ผิวที่อดนอนมักขาดน้ำ การเลือกส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์จึงควรเน้นเรื่องความชุ่มชื้น เช่น กรดไฮยาลูรอนิก, เซราไมด์ หรือกลีเซอรีน เพราะจะช่วยเติมน้ำและล็อกความชุ่มชื้นให้ผิวดูฟูขึ้นทันที และเลือกเนื้อครีมที่ไม่หนักเกินไปเพื่อไม่ให้ผิวอุดตันในช่วงที่อ่อนแอ หรือถ้าใครมองหาเซรั่มบูสต์ผิว การใช้เซรั่มที่มีสารแอนติออกซิแดนต์ เช่น วิตามินซี, วิตามินอี หรือไนอะซินาไมด์ จะช่วยฟื้นฟูความกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ และเพิ่มความแข็งแรงให้ผิว ช่วยให้ผิวดูสดชื่นแม้จะพักผ่อนไม่เพียงพอได้ดี รวมถึงการบำรุงรอบดวงตาเป็นพิเศษก็สำคัญไม่น้อย เพราะใต้ตาดำหรือบวมเป็นสัญญาณแรกที่เห็นได้ชัดเมื่ออดนอน ควรใช้อายครีมที่ช่วยลดรอยคล้ำและบวม เช่น คาเฟอีน, เปปไทด์ หรือวิตามินเค ใช้ควบคู่กับการประคบเย็น เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนและลดอาการบวมได้

-
ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน
เมื่อคุณนอนน้อย ร่างกายจะมีระดับฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) ที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำ ขาดความสดใส และสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายกว่าปกติ การดื่มน้ำจึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดและได้ผลมากที่สุดในการช่วย เติมน้ำให้ผิวจากภายในดูเต่งตึงและเปล่งปลั่งขึ้น ในทางกลับกันคาเฟอีน แม้จะช่วยให้คุณตื่นตัวในวันที่พักผ่อนไม่พอ แต่ก็เป็นสารที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น ส่งผลให้ผิวแห้งง่ายขึ้นโดยไม่รู้ตัว การดื่มกาแฟหรือชาในปริมาณที่มากเกินไปจึงอาจทำให้ผิวดูโทรมลงอีก หากต้องดื่มกาแฟ ให้จำกัดไม่เกิน 1–2 แก้วต่อวัน และควรดื่มน้ำเปล่าคู่ไปด้วยทุกครั้ง
-
รับแสงแดดยามเช้าและทาครีมกันแดดทุกวัน
การรับแสงแดดอ่อนๆ ในช่วงเช้าประมาณ 10–15 นาที มีประโยชน์มากกว่าที่คิด เพราะช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเซโรโทนิน ซึ่งช่วยปรับอารมณ์ ลดความเครียด และส่งผลต่อการหลั่งเมลาโทนิน ในเวลากลางคืน ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้นในคืนถัดไป ซึ่งส่งผลดีต่อกระบวนการซ่อมแซมผิวขณะนอนหลับตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม แสงแดดในช่วงสายถึงบ่ายมีรังสี UV ที่รุนแรงและสามารถทำร้ายผิวได้ แม้จะไม่ได้ออกกลางแดดโดยตรงก็ตาม เพราะรังสี UVA และ UVB สามารถทะลุกระจก หรือแม้แต่แสงจากจอคอมพิวเตอร์ก็ส่งผลต่อผิวได้เช่นกัน ดังนั้นควรการทาครีมกันแดดทุกวัน โดยเลือก SPF อย่างน้อย 30 PA+++ ขึ้นไป และควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงหากอยู่กลางแจ้ง

-
เติมพลังให้ผิวด้วยอาหารที่มีประโยชน์
ในช่วงที่นอนน้อย ร่างกายจะมีระดับสารต้านอนุมูลอิสระลดลง ระบบฟื้นฟูผิวจึงทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ผิวดูอ่อนล้า หมองคล้ำ และขาดความเปล่งปลั่งได้ง่าย การเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงจึงเป็นวิธีเสริมพลังให้ผิวจากภายในแบบยั่งยืน ซึ่งอาหารที่ควรเน้นในช่วงพักผ่อนไม่พอ ได้แก่ วิตามินซี เช่น ส้ม สตรอว์เบอร์รี กีวี ฝรั่ง พริกหวาน จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวกระชับและกระจ่างใส, วิตามินอี เช่น อะโวคาโด อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบของผิว หรือโปรตีนคุณภาพดีที่ช่วยในการซ่อมแซมผิว เช่น ไข่ เต้าหู้ ถั่ว และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ในทางตรงกันข้าม ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มี น้ำตาลสูง, ของทอด, หรืออาหารแปรรูป เพราะจะยิ่งเพิ่มการอักเสบในร่างกายและเร่งการเสื่อมของเซลล์ผิวได้




