Vogue Beauty Thailand

SKINCARE

ดูแลผิววัย 30 อย่างไรให้คงความอ่อนเยาว์ไว้ได้นานที่สุด

ตอบคำถาม! เมื่ออายุเข้าเลข 3 ควรดูแลผิวอย่างไร และควรขยับไปใช้สกินแคร์แบบไหนให้เหมาะกับผิวมากขึ้น

โดย Waraporn Hongvarangkool
30 ตุลาคม 2568

     เมื่อเข้าสู่วัยเลข 3 ผิวเริ่มส่งสัญญาณเล็กๆ ที่บอกว่าถึงเวลาต้องใส่ใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความแห้ง ความหมองคล้ำ หรือริ้วรอยที่เริ่มมาเยือน เพราะผิววัย 30 ขึ้นไป คอลลาเจนใต้ผิวจะเริ่มลดลง การผลัดเซลล์ผิวช้าลง และผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นตามธรรมชาติ

     การดูแลผิววัย 30 หากจะทาแค่มอยส์เจอไรเซอร์และครีมกันแดดคงไม่เพียงพอแล้ว แต่จะต้องเลือกใช้สกินแคร์ที่ตอบโจทย์กับความต้องการใหม่ของผิว เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเพิ่งก้าวเข้าสู่วัย 30 หรืออยู่ในวัยนี้มาสักพักแล้ว บทความนี้จะช่วยตอบคำถามที่หลายคนสงสัยว่า “ผิววัย 30 ควรดูแลอย่างไร?”

 

Article

1. เริ่มใช้สกินแคร์กลุ่มกระตุ้นคอลลาเจน

เมื่ออายุเข้าเลข 3 การผลิตคอลลาเจนใต้ผิวจะเริ่มลดลง เพราะฉะนั้นเราจะต้องเสริมกำลังให้ผิว ด้วยการใช้สกินแคร์ที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อย่าง เรตินอล (Retinol) ซึ่งจะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยเริ่มจากความเข้มข้นต่ำ 0.1-0.3% เพื่อให้ผิวปรับตัวได้ก่อน จากนั้นค่อยเพิ่มระดับตามความแข็งแรงของผิว

 

2. เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระในตอนเช้า

ผิววัย 30 จำเป็นต้องเสริมเกราะป้องกันให้ผิวด้วยสกินแคร์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระที่เป็นต้นเหตุของความหมองคล้ำและริ้วรอยก่อนวัย โดยเฉพาะวิตามินซี (Vitamin C) ซึ่งจะช่วยป้องกันความหมองคล้ำ ลดรอยดำ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ควรใช้ทุกเช้าก่อนทากันแดด

 

Article

3. ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เข้มข้นขึ้น

กระบวนการสร้างไขมันและการกักเก็บน้ำในผิวของวัย 30 จะเริ่มทำงานได้ไม่ดีเท่าเดิม ทำให้ผิวแห้งง่ายและขาดความยืดหยุ่น ดังนั้นถึงเวลาที่ต้องขยับจากมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบาในวัย 20 ไปสู่สูตรที่เข้มข้นและช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวได้ดีกว่า แต่สำหรับคนที่เป็นสิวง่ายและกังวลว่าความเข้มข้นอาจทำให้ผิวมันหรืออุดตัน แนะนำให้เลือกใช้มอยส์ฯ เนื้อเจลที่บางเบาแต่ให้การเคลือบผิวได้ดี ช่วยล็อกความชุ่มชื้นไว้ในผิวโดยไม่ทิ้งความเหนอะหนะ

 

4. อย่าลืมใช้ไนท์ครีม

ตอนอายุอยู่ที่เลข 2 หลายคนอาจยังใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรบางเบาที่ให้แค่ความชุ่มชื้นในตอนกลางคืน แต่ผิววัย 30 ต้องการมากกว่านั้น ก่อนนอนควรเจาะจงไปใช้ไนท์ครีม (Night Cream) โดยเฉพาะ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผิวซ่อมแซมตัวเองได้ดีที่สุด และไนท์ครีมยังมักมีส่วนผสมที่ช่วยฟื้นฟูผิวได้ในระดับที่ลึกขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เรตินอล เปปไทด์ และไนอะซินาไมด์

 

Article

5. อัปเกรดกันแดดเป็นระดับ Anti-aging Protection

กันแดดระดับ Anti-Aging Protection หมายถึงกันแดดที่ให้การปกป้องแบบรอบด้าน ทั้งจากรังสี UVA/UVB แสงสีฟ้า และมลภาวะ ซึ่งเป็นตัวการเร่งความแก่ของผิว โดยจะดูว่าครีมกันแดดนั้นเป็น Anti-Aging Protect หรือไม่ ให้ดูจากการมีค่า SPF 50+ / PA++++ และมีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ หรือง่ายที่สุดคือมองหาคำว่า “Anti-aging” บนขวด

 

6. เสริมการผลัดเซลล์ผิว 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์

วัย 30 การผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติจะเริ่มช้าลง เพราะฉะนั้นถึงเวลาต้องใช้สกินแคร์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีกรดผลไม้ชนิดอ่อน เช่น PHA (Polyhydroxy Acid) หรือ Lactic Acid ซึ่งช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน ไม่ทำให้ระคายเคือง (ต่างจาก AHA หรือ BHA ที่อาจแรงเกินไปสำหรับผิววัยนี้) และใช้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็เพียงพอ

 

7. ทานอาหารเสริมที่ช่วยเรื่องผิว

บิวตี้รูทีนที่อยากให้วัย 30 เริ่มก็คือการทานอาหารเสริมที่ช่วยเรื่องการดูแลผิว อาทิ คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) ซึ่งช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นให้ผิว วิตามินซี (Vitamin C) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และวิตามินอีหรือ Omega-3 ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เป็นต้น เพื่อเป็นการบำรุงผิวให้สุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก

 

ภาพ : Pexels (Moni Rathnak, Yan Krukau, Anna Shvets, cottonbro studio, John Diez)
TAGS : Skincare, 30