SKINCARE

เผย 7 ทิปส์หยุดปัญหาปากแห้ง ปากแตก และปากลอกเป็นขุย

ทิปส์ดีๆ ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาปากแห้งให้หายขาด

     ปัญหาปากแห้ง ปากแตก ริมฝีปากลอกเป็นขุย เป็นอาการที่หลายคนเจอบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว สาเหตุของปากแห้ง-แตก นอกจากอากาศที่แห้งและหนาวเย็นแล้วก็ยังเกิดได้จากแสงแดด การดื่มน้ำน้อย รวมไปถึงการเลียริมฝีปากบ่อยๆ ด้วย ซึ่งปัญหาปากแห้งหากไม่ได้รับการฟื้นบำรุง อาจทำให้ริมฝีปากดำคล้ำขึ้น พบปัญหาทาลิปสติกแล้วตกร่อง และยิ่งหากปล่อยให้ปากลอกเป็นขุยไปนานๆ ก็อาจทำให้เกิดเป็นแผลได้ จริงอยู่ว่าการทาลิปบาล์มเป็นวิธีแก้ปากแห้งที่ง่ายที่สุด แต่มันอาจยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้หายขาดได้ ดังนั้นจะแก้ปัญหาแก้ปากแห้งได้อย่างไร วันนี้โว้กบิวตี้ก็มีทิปส์ดีๆ มาฝากกัน

 

 

1. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้ระคายเคืองริมฝีปาก

     เบื้องต้นเริ่มจากควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อริมฝีปาก ไม่ว่าจะเป็นลิปบาล์ม หรือลิปสติกที่ใช้แล้วพบสัญญาณที่บ่งบอกว่าระคายเคือง เช่น รู้สึกแสบคัน หรือแสบร้อนริมฝีปาก เมื่อไหร่ที่พบอาการเหล่านี้เมื่อทาอะไรก็ตามบนริมฝีปาก แนะนำว่าควรหยุดใช้ทันที นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะจะทำให้ปากยิ่งแห้งมากขึ้น ได้แก่ น้ำหอม ลาโนลิน เมนทอล และฟีนอล เป็นต้น

 

2. ทาผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก 

     ควรทาริมฝีปากด้วยลิปบาล์ม หรือลิปมอยซ์เจอไรเซอร์ (ที่ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง) วันละหลายครั้ง และช่วงก่อนนอนด้วย โดยถ้าหากมีปัญหาปากแห้งหรือแตกมากกว่าปกติก็สามารถใช้ปิโตรเลียมเจลเข้มข้นโปะลงบนริมฝีปากให้ทั่วก่อนนอน เพื่อเป็นการเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก

 



WATCH



3. ปกป้องริมฝีปากจากแสงแดด

     ทาลิปบาล์มที่ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองด้วยค่า SPF30 หรือสูงกว่าก่อนออกจากบ้านทุกครั้งแม้ในฤดูหนาว และขณะที่อยู่กลางแจ้งก็ควรทาลิปบาล์มซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงด้วย นั่นเพราะการปกป้องริมฝีปากจากแสงแดดและรังสียูวีเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากแสงแดดนั้นมีส่วนทำให้ปากแห้งแตกได้ง่ายขึ้นและอาจทำให้เกิดแผลได้ในที่สุดหากไม่มีการป้องกัน

 

4. ดื่มน้ำมากๆ

     เพื่อรักษาระดับความชุ่มชื้นของริมฝีปาก การดื่มน้ำในปริมาณมากๆ จะช่วยให้ริมฝีปากรวมไปถึงผิวพรรณมีความชุ่มชื่น แม้ว่าภาวะการขาดน้ำไม่ใช่สาเหตุเดียวแต่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ปากแห้งได้  เพราะฉะนั้นควรพกพาขวดน้ำเปล่าติดตัวไว้ตลอดพร้อมดื่มเพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ จำไว้ว่าควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เพียงแก้ปัญหาปากแห้ง แต่จะช่วยให้ผิวพรรณและร่างกายมีสุขภาพดีด้วย

 

5. หยุดเลียหรือกัดริมฝีปาก 

     พฤติกรรมชอบเลีย กัด หรือเม้มริมฝีปากบ่อยๆ จนเป็นนิสัยทุกครั้งที่รู้สึกว่าปากแห้ง จริงอยู่ว่ามันอาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วมันจะยิ่งทำให้อาการปากแห้งยิ่งแย่ลง เพราะน้ำลายจะดึงเอาความชุ่มชื้นออกไปจากริมฝีปาก และเมื่อน้ำลายระเหยออกไปริมฝีปากก็จะยิ่งแห้งขึ้น และยังมีส่วนทำให้ริมฝีปากดำคล้ำลงอีกด้วย

 

6. หลีกเลี่ยงการใช้ปากคาบสิ่งของ 

     หากติดนิสัยชอบคาบของ ไม่ว่าจะเป็นคาบปากกา-ดินสอ, คาบหลอดน้ำ, คาบเครื่องประดับขณะทำผม หรือคาบสิ่งของที่เป็นโลหะ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ริมฝีปากเกิดอาการระคายเคืองได้โดยไม่รู้ตัว ยิ่งหากทำบ่อยๆ ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ริมฝีปากที่บอบบางอยู่แล้วจะแห้ง แตก และอ่อนแอมากขึ้น 

 

7. เพิ่มความชื้นในอากาศ

     อากาศที่แห้งภายในบ้านอาจทำให้ริมฝีปากแตกและรู้สึกแห้งมากขึ้น วิธีแก้ง่ายๆ คือการมีเครื่องทำความชื้นติดบ้านไว้ ไม่ว่าจะวางในห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น การเพิ่มความชื้นในอากาศมีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะมันจะช่วยลดโอกาสที่จะทำให้ปากแห้งมากกว่าเดิม โดยเฉพาะบางคนที่หายใจทางปากขณะนอนหลับด้วย

 

     หากทำตามคำแนะนำเหล่านี้แล้ว ปัญหาปากแห้งจะมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายใน 2-3 สัปดาห์ และหลังจากหายแล้ว ขั้นตอนต่อไปควรทาลิปบาล์มเป็นประจำทุกวันแม้อยู่บ้านหรือออกนอกบ้านก็ตาม เท่านี้ปัญหาปากแห้ง ปากแตกจะไม่มากวนใจอีกต่อไป

 

ข้อมูล : American Academy of Dermatology

WATCH

คีย์เวิร์ด: #TipsForDryLip