การท่องเที่ยวทั่วไทยเป็นการชาร์จแบตให้กับชีวิตสำหรับแพรี่พาย

ขณะที่เธอก้าวเข้ามาในห้องเราสามารถรับรู้ถึงพลังบวกจากตัวเธอที่อยู่ในใบหน้า รอยยิ้ม และความเป็นกันเองของสาวแพรี่พาย ที่ไม่ต้องพูดอะไรก็รู้ว่าเธอนั้นเต็มไปด้วยพลัง “ช่วงนี้กลับมามีพลังเยอะหลังจากที่ได้ไปเที่ยวขอนแก่น, น่าน, บุรีรัมย์ และล่าสุดไปอุดรฯ และอุบลฯ” แพรี่พายเล่าถึงการตระเวนเที่ยวทั่วไทยว่าเป็นการชาร์จพลังได้อย่างดีที่ทำให้แบตชีวิตของเธอกลับมาเต็มร้อยอีกครั้งหลังจากที่รู้สึกเหนื่อยล้าเมื่อปลายปีที่ผ่านมา “เริ่มเที่ยวเมืองไทยและรู้จักเมืองไทยมากขึ้น รวมถึงลงลึกเรื่องผ้าไทยมากขึ้น ทำให้กลับมาแฮปปี้มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำมากขึ้น” หลังจากที่แพรรี่พายหันมาใส่ใจความเป็นไทยโดยการเป็นคนรุ่นใหม่ที่เห็นคุณค่าของผ้าไหมไทย แรงบันดาลใจใหม่ๆ ในชีวิตก็เกิดขึ้น

“คนเราเกิดมาต้องห้ามหยุดที่จะเรียนรู้” เธอพูดถึงเส้นทางชีวิตของเธอว่าต้องพัฒนาอยู่เรื่อยๆ “เริ่มแรกแพรอยากเป็นช่างแต่งหน้า ซึ่งหลังจากที่เราค้นพบว่าอยากเป็นอะไรแล้ว ต่อมาเราก็ต้องพัฒนาตัวเอง ทำตัวเองให้ดีขึ้น จากนั้นก็วนกลับมาจุดที่เราพัฒนาตัวเองอีกครั้ง” เธอมองว่าทุกอย่างเป็นวงจรการเรียนรู้ที่ไม่มีวันหยุด “ล้มบ้างขึ้นบ้าง ถ้าทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลง เราก็จะขาดแรงขับเคลื่อนที่จะพัฒนาตัวเอง”

ก้าวต่อไปของแพรี่พาย

“จริงๆ แพรก็ยังไม่รู้นะ ปีนี้ก็ 30 แล้ว”(หัวเราะ) เธอเอ่ยถึงเลขอายุที่เพิ่มขึ้นทุกวันและเวลาที่มีให้กับคนรักและครอบครัวแบบจำกัดเนื่องจากงานที่เธอทำเป็นงานที่ต้องอัพเดทชีวิตกับชาวโลกอยู่ตลอดเวลา “ทำงานในโลกโซเชียลดึงความเป็นตัวเองและดึงชีวิตส่วนตัวออกไปเยอะ แพรอยากสร้างคอนเทนต์ตลอดเวลาจนไม่มีวันพักผ่อนหรือมีเวลาอยู่กับคนรัก อีก 30 ปีข้างหน้าอยากเลือกทำสิ่งที่มีคุณค่ากับเวลาของเราจริงๆ” แพรี่พายกล่าวถึงชีวิตในวันข้างหน้า

อมตาเข้าใจดีว่าแฟนคลับของเธอที่ตอนนี้มีถึง 1.5 ล้านคนบนไอจีกำลังรอติดตามผลงานของเธออยู่ตลอดเวลา แต่ก็มีบางโมเม้นต์ที่เธออยากจะพักทุกอย่างและให้เวลากับตัวเอง “อีกใจก็รู้ว่าเรายังทำเกี่ยวกับเมกอัพอยู่ได้เรื่อยๆ แต่อีกใจนึงก็อยากปลูกป่าและเข้าไปอยู่ในป่าซะเลย”(หัวเราะ) เธอเล่าถึงจุดที่เธออยากปล่อยวางทุกอย่าง วางเมกอัพ วางโลกโซเชียล แต่ก็เป็นไปไม่ได้เพราะยังมีคนที่ชื่นชอบและติดตามเธอมาเป็นระยะเวลานานถึง 7 ปีที่ยังคอยรอดูผลงานของเธออยู่

“ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้จุดมุ่งหมายของแพรคือการพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแต่งหน้า หรือการศึกษาและรู้จักผ้าไทยให้มากขึ้น ว่าแต่ละจังหวัดเขามีอะไรดี รวมถึงรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพิ่มขึ้น แต่ที่เน้นสุดคงเป็นเรื่องของการดูแลตัวเอง เพราะเราอยากจะมีความสุขจากข้างใน แต่ก่อนเราจะชินตากับแพรรี่พายปากฟ้า ม่วง เขียว กับทรงผมแหวกแนวต่างๆ ซี่งพอโตขึ้นเราก็อยากพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น”

หลังจากพบรักกับผ้าไทยมุมมองความงามเปลี่ยนไปเยอะมาก

“พอเราได้รู้จักผ้าไทย เรารู้เลยว่าผ้าหนึ่งผืนมีคุณค่ามาก" หลังจากที่เธอลงลึกและศึกษาเกี่ยวกับผ้าไทยมากขึ้นก็ได้หลงรักกับรายละเอียดที่ถูกใส่ลงไปในผ้าไทยแต่ละผืน ซึ่งพอได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของกลุ่มชุมชนที่ทำผ้าไทยเธอพบว่า “มันได้เปลี่ยนมุมมองความคิด ทำให้เราโตขึ้น มองเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ รอบตัว” สิ่งนี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เธอใช้โซเชียลมีเดียเป็นกระบอกเสียง ในการเป็นเป็นตัวอย่างที่ดีต่อคนรุ่นใหม่ เป็นแรงบันดาลใจต่อคนที่ตามเธอ ให้ได้เห็นแง่มุมใหม่ๆ และเห็นโลกที่กว้างขึ้น

“ช่องทางของแพรเป็นช่องทางที่ปล่อยให้แพรทำอะไรได้อย่างอิสระ” เธอพูดถึงโซเชียลมีเดียที่มอบโอกาสให้เธอได้สื่อสารกับคนจำนวนมาก โดยเธออยากให้คนที่ติดตามเธอเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่เธอทำ ซึ่งสอดแทรกด้วยข้อคิดดีๆ ที่เธอหวังว่าเมื่อดูเธอแล้วสามารถนำกลับไปใช้กับตัวเองได้ด้วย “แพรนำเสนอเมกอัพในสไตล์ที่เป็นตัวเอง และอยากให้คนอื่นได้เป็นตัวเองด้วยเช่นกัน คืออย่างน้อยอยากให้คนที่ดูเราได้อะไรกลับไปมากขึ้น มากกว่ามุมบิวตี้”

 ฐานแฟนคลับเปลี่ยนไปเพราะนอกจากเป็นขวัญใจคนรุ่นใหม่แล้วคนรุ่นเก่าก็ปลื้มแพรี่พายเช่นกัน

“ช่วงนี้กลายเป็นว่าเราไม่ได้มีฐานแฟนคลับแค่คนรุ่นใหม่ เมื่อวันก่อนไปงานอุ่นไอรักมาก็พบว่า ฐานแฟนคลับเปลี่ยนไป ได้กลายเป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นเก่าอย่างคุณป้า คุณตา คุณยายที่ไปร่วมงาน” หลังที่เธอหันมาส่วมใส่ผ้าไทย แพรี่พายก็ได้กลายเป็นขวัญใจคนรุ่นเก่าที่เอ็นดูเธอในฐานะผู้นำเทรนด์แฟชั่นผ้าไทยในหมู่คนรุ่นใหม่

อัพเดทชีวิตกันไปแล้ว มาคุยเรื่องเมกอัพจาก Clarins กันบ้าง...

เมกอัพทั้ง 3 ลุคจากแพรี่พาย

สิ่งแรกที่นึกถึงเมื่อพูดถึง Clarins

“ Double Serum! (หัวเราะ) คือชอบมากๆ ชอบตรงที่เขาทำให้เรารู้สึกว่าการที่มีหน้ามันไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่ทำให้รู้ว่าน้ำมันเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อผิวเพราะช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดน้ำ ชอบมากถึงขนาดที่ต้องพกขึ้นเครื่องบินไปด้วยทุกครั้งเพราะเขามีหลายไซส์พกพาสะดวก” สำหรับแพรี่พาย Clarins ทำให้เธอได้ลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ลบความคิดเก่าๆ เช่น หน้ามันเป็นเรื่องแย่ แต่กลับหลงรักกับความโกลว์ที่น้ำมันช่วยทำให้ผิวหน้าดูฟูอิ่มน้ำ

ตอนนี้แพรี่พายอินกับเทรนด์เมกอัพในสไตล์ Less is More ที่เน้นความเป็นตัวเอง

"แต่ละปีเทรนด์เมกอัพมักจะเปลี่ยนไปเรื่อย ทั้งเทรนด์เกาหลีหรือเทรนด์สายฝอคิ้วเป๊ะ ปีนี้เราจะเห็นคลื่นลูกใหม่ โดยเราจะเห็นกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมลุค Less is More (น้อยแต่มาก) ที่เน้นความเป็นตัวเอง ไม่แคร์สายตาผู้อื่น " แพรี่พายเล่าถึงความชอบของลุคเมกอัพที่มีความเป็นตัวเองสูงของกลุ่มวัยรุ่นที่มีสไตล์เป็นของตัวเองที่ไม่ต้องเป๊ะเสมอไป เธอมองว่าเป็นการผสมผสานของทุกเทรนด์เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว โดยชื่นชอบความกล้าที่จะแตกต่างและรักตัวเองมากขึ้น รวมถึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น โดยยกตัวอย่างสีปากของนางแบบที่เธอเลือกทาเป็นสีแดงในลุค Bold Lip ที่มีขอบฟุ้งช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับใบหน้ามากขึ้น

ลุคเมกอัพที่เธอแต่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากแบรนด์ Clarins โดยตรง

“แรงบันดาลของแพรเริ่มมาจากตัวเมกอัพของ Clarins โดยเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นแบรนด์ที่เน้นการบำรุงผิว เป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นผิวสุขภาพดี หน้าของนางแบบในวันนี้แทบจะไม่ได้ลงรองพื้น หรือ คอนซีลเลอร์ แต่เริ่มจากสกินแคร์ของ Clarins ที่ช่วยให้ผิวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ” เธอมองว่าเมกอัพคือสิ่งที่่ช่วยดึงความงามของเราออกมา “แรงบันดาลใจจริงๆ แล้วน่าจะมาจากตัวของนางแบบเองด้วย” โดยเธอพยายามดึงในสิ่งที่หน้าของนางแบบแต่ละคนมีอยู่แล้วและนำเสนอเมกอัพอย่างเป็นธรรมชาติ ให้มีความเป็นตัวเองมากที่สุด เพื่อให้ได้ลุคที่ดูเฟรชสดใส  “เลือกทาปากสีแดงเพราะต้องการให้เขาเป็นตัวเองแบบว่า นี่คือฉัน รู้สึกสบายๆ ในลุคที่เป็นตัวเอง”

เมกอัพจาก Clarins น่าใช้ไปซะทุกอย่างแต่ Instant Light Lip Comfort Oil แลจะถูกใจแพรี่พายเป็นพิเศษ

“ที่ถูกใจเลยคือตัว  Lip Comfort Oil ออยล์บำรุงริมฝีปากที่มีให้เลือกถึง 7 สี เหมาะกับทุกวัย ทาได้ทุกโอกาส” โดยสี Honey และ Rasberry คือสีโปรดของเธอ ส่วนเมกอัพอื่นๆ ก็ถูกใจเธอไม่น้อยเพราะทุกอย่างที่ Clarins ทำมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวไปในตัว โดยถ้าสาวๆ ได้ลองไอเทม must-have เหล่านี้ก็จะเข้าใจว่าทำไมแพรี่พายถึงปลื้มเมกอัพจาก Clarins

Instant Light Lip Comfort Oil จาก Clarins สี 02 Rasberry ราคา 950 บาท