พวงแก้มที่ดูระเรื่อเหมือนโดนแสงแดดจูบเบาๆ คือเสน่ห์แบบใหม่ที่โลกบิวตี้กำลังหลงรัก และเทรนด์ล่าสุดอย่าง Watercolor Blush ก็คือคำตอบของความละมุนนี้ ลืมความแข็งทื่อ ของบลัชออนแบบเดิมไปได้เลย เพราะลุคนี้คือการเบลนสีอย่างบางเบาให้กลมกลืนไปกับผิว ราวกับเม็ดสีละลายซึมเข้าไปในผิวจริง เทคนิคนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เมกอัพดูซอฟต์ขึ้นเท่านั้น แต่ยังมอบฟินิชผิวสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาตื แม้ในวันหน้าปราศจากเมกอัปก็ยังดูโดดเด่น
‘Watercolor Blush’ คือ?
Watercolor Blush คือเทคนิคการลงบลัชออนที่ได้แรงบันดาลใจจาก “สีน้ำ” เม็ดสีจะถูกเกลี่ยให้บางเบา ละลายกลืนไปกับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เห็นขอบ ไม่เป็นปื้น และไม่เน้นการวางสีชัดเจนเหมือนบลัชทั่วไป ซึ่งเสน่ห์ของลุคนี้อยู่ที่ “ความโปร่งแสงและฟุ้งละมุน” เหมือนพวงแก้มมีเลือดฝาดจากภายใน ให้ผิวดูนุ่มนวล สดใสแบบไม่ได้แต่งเติมมากนัก
เทคนิคนี้มักใช้บลัชประเภทลิควิด ครีม หรือเจลเนื้อน้ำ เพราะสามารถเบลนด์ให้กลืนกับผิวได้ง่าย และให้ฟินิชลุคที่บางเบากว่าบลัชแบบฝุ่นซึ่งมักจะให้ความทึบและแมตต์กว่า
ทิปส์การลงบลัชออนแบบ ‘Watercolor Blush’
- เลือกเนื้อสัมผัสให้เหมาะสม : การปัดแก้มแบบ Watercolor Blush คือการแต่งพวงแก้มให้ดูระเรื่อบางเบา ราวกับสีสันละลายอยู่ใต้ผิวจริง โดยเริ่มต้นจากการเลือกเนื้อบลัชที่เหมาะที่สุด เช่น บลัชเนื้อลิควิด ครีม หรือเจลน้ำ ซึ่งจะให้ฟินิชแบบโปร่งแสงและสามารถเบลนด์ให้กลืนไปกับผิวได้ง่าย ต่างจากบลัชฝุ่นที่มักให้สีเข้มและมีขอบที่ชัดเจนมากกว่า
- แตะสีด้วยนิ้วหรือแปรงหัวแน่น : เมื่อเลือกเนื้อบลัชได้แล้ว ให้แตะสีเพียงเล็กน้อยลงบนพวงแก้ม โดยสามารถใช้ปลายนิ้ว แปรงหัวแน่น หรือฟองน้ำก็ได้ การเริ่มจากปริมาณน้อยสำคัญมาก เพราะบลัชสไตล์นี้เน้นความค่อยเป็นค่อยไป ค่อย ๆ เติม ไม่เน้นลงหนาในครั้งเดียว
- เบลนด์ให้ฟุ้งด้วยฟองน้ำ : หลังจากนั้นให้ใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆ เกลี่ยขอบสีเบาๆ ด้วยเทคนิคการกดซ้ำเบาๆ มากกว่าการถู เพื่อให้เนื้อบลัชละลายเข้ากับผิวอย่างแนบเนียนโดยไม่เหลือขอบเลยแม้แต่น้อย เทคนิคนี้จะทำให้พวงแก้มดูฟุ้งละมุน เป็นธรรมชาติ และมีมิติแบบไร้รอยต่อ
- ใช้เทคนิค Underpaint : สามารถใช้เทคนิคการ Underpaint ได้ โดยลงบลัชก่อน จากนั้นใช้คอนซีลเลอร์หรือรองพื้นแบบบางเบาแตะเฉพาะขอบด้านนอกของบลัช แล้วเกลี่ยเบลอออก จะช่วยเบลนด์เส้นขอบให้ดูจางลงและละมุนยิ่งขึ้น
- ทาซ้ำได้หากอยากเพิ่มความชัด : หากต้องการความชัดเจนขึ้น ก็สามารถเลเยอร์บลัชเพิ่มได้ โดยทาทับบางๆ ทีละชั้นแทนการลงซ้ำแบบหนาๆ จะช่วยให้ได้เฉดสีที่ดูสม่ำเสมอ ไม่เป็นปื้นหรือดูหนักผิวเกินไป และหากอยากเพิ่มความสดใสให้ลุคดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น อาจแตะสีบลัชบางๆ บนสันจมูก เพื่อให้ลุคโดยรวมดูซอฟต์และเป็นธรรมชาติแบบ Sun-kissed ซึ่งเป็นอีกหนึ่งลุคยอดนิยมในเทรนด์งานผิวปีนี้
Cloud Paint (ราคา 700 บาท) จาก Glossier
1 / 3
Dew Blush Liquid Cheek Blush (ราคา 840 บาท) จาก Saie
2 / 3
Unreal™ Liquid Blush (ราคา 1,650 บาท) จาก Hourglass
3 / 3
MAKE UP‘Baby Doll Blush’ พวงแก้มไร้เดียงสาในแบบ Sabrina Carpenter ที่ซ่อนความเซ็กซี่ไว้ทุกมิติ
MAKE UPเพราะเหตุใด ‘บลัชออนสีพีช’ จึงกลายเป็นอาวุธลับความอ่อนเยาว์ของเหล่าไอดอลเกาหลี



