ลิปสเตน + ลิปกลอสใส

ลุคนี้มีความผสมผสานระหว่างสายเกาและสายฝอด้วยการใช้ลิปทินต์หรือลิปสเตนมาเป็นเบสให้กับริมฝีปาก โดยเลือกลิปที่มีสีสันค่อนข้างสดและชัดเจน ทาข้างในริมฝีปากก่อนแล้วไล่ออกมาด้านนอกริมฝีปากหรือที่เรารู้จักกันในสไตล์ Ombre นั่นเอง จากนั้นเมื่อลิปเริ่มแห้งและเซตตัวให้ใช้ลิปกลอสใสทาทับให้ทั่วริมฝีปากอีกที ลุคนี้จะให้ความสดใสและอ่อนเยาว์กับใบหน้ามากขึ้น

Dior Lip Glow Oil จาก DIOR ขนาด 6 ml (ราคา 1,390 บาท)

ทินต์ลิปกลอส

ลิปกลอสไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องเป็นลิปสีใสเสมอไป ในปัจจุบันหลายแบรนด์มักนิยมออกทินต์ลิปกลอสหรือลิปกลอสที่มีสีสันในตัวมาเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ริมฝีปากอวบอิ่มหรือยังเข้ากับคนที่ไม่มีเวลาแต่งหน้าหรือทาลิปสติกหลายขั้นตอน เพราะแค่มีไอเท็มนี้ก็สามารถทาทีเดียวได้ทั้งสีและความแวววาวให้ริมฝีปาก เรียกว่าสวยจบในแท่งเดียว

Gloss Bomb Cream Lip Gloss จาก Fenty Beauty ขนาด 9 ml (ราคา 900 บาท)

ลิปไลเนอร์ + ลิปกลอสสีอ่อนกว่าเล็กน้อย

เอาใจสายฝอด้วยเทคนิคนี้ ซึ่งเป็นการใช้ลิปไลเนอร์สีที่ค่อนข้างเข้มกว่าลิปสติกที่ใช้อยู่เป็นประจำเล็กน้อย เขียนขอบปากเพื่อกำหนดโครงสร้างของริมฝีปากให้ชัดเจนและช่วยให้ริมฝีปากดูมีมิติมากขึ้น จากนั้นเลือกใช้ลิปกลอสที่มีเฉดสีอ่อนกว่าลิปไลเนอร์ที่ใช้ทาให้ทั่วริมฝีปาก เม้มปากเล็กน้อยเพื่อให้สีเกลี่ยเข้าด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ

Intense Lip Comfort Oil จาก Clarins ขนาด 7 ml (ราคา 1,050 บาท)

ลิปกลอสที่มีชิมเมอร์

เพิ่มความสนุกให้กับลุคด้วยประกายของชิมเมอร์จากลิปกลอสที่จะช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและแวววาวในคราวเดียวกัน เป็นไอเท็มที่สามารถใช้แต่งมิกซ์แอนด์แมทช์ได้กับหลายเมกอัพลุค ทั้งลุคใสๆ ในชีวิตประจำวันด้วยงานเผยผิวโกลว์หรือจะลุคหน้าแน่นพร้อมไปออกงานหรือแฮงค์เอ้าก์กับเพื่อนสาวก็สวยปัง

High Shimmer Lip Gloss จาก Bobbi Brown ขนาด 7 ml (ราคา 1,150 บาท)

ลิปสติกเนื้อแมตต์ + ลิปกลอสที่ที่คล้ายกัน

เรียกว่าเป็นเทคนิคสุดเบสิกที่ใครหลายคนอาจจะเคยลองแต่งกันมาบ้างแล้ว เริ่มต้นจากการใช้ลิปสติกเนื้อแมตต์หรือลิควิดลิปสติกทาให้ทั่วริมฝีปาก จากนั้นใช้ลิปกลอสสีที่ใกล้เคียงกับลิปสติกมากที่สุด ทาทับอีกชั้นเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับริมฝีปากของเรามีความแวววาวมากขึ้น

Kisses Lip Lacquer จาก Burberry ขนาด 5.5 ml (ราคา 1,500 บาท)