SKINCARE

KraveBeauty กับความตั้งใจ “Press Reset” วงการสกินแคร์เพื่อผิวที่แข็งแรง เพื่อการรักษ์โลกที่ยั่งยืน

แลกเปลี่ยนมุมมองกับ Liah Yoo คอนเทนต์ครีเอตเตอร์สายบิวตี้ผู้ก่อตั้ง KraveBeauty กับความชื่นชอบในสกินแคร์และความตั้งใจปฏิวัติวงการสกินแคร์ให้ตอบโจทย์กับการใช้งานจริงของผู้ใช้

จากความหิวโหยที่ร่างกายตอบสนองให้เรารู้สึกอยากทานอาหาร (Crave) สู่การตอบสนองความต้องการอาหารและการบำรุงต่อผิวที่กลายเป็นชื่อของแบรนด์สกินแคร์สัญชาติเกาหลี “KraveBeauty” โดยมีลีอา-ยู (Liah Yoo) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่มีประสบการณ์ในการทำงานกับบริษัทด้านความงามยักษ์ใหญ่ในเกาหลีใต้ รวมถึงเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ผู้ทำคลิปวิดีโอแนะนำสกินแคร์และให้ความรู้ด้านปัญหาผิวโดยเฉพาะเรื่องสิวเป็นผู้นำที่ยืนหยัดการทำไอเท็มสกินแคร์แบบ “น้อยแต่มาก” และตั้งเป้าหมายรีเซ็ตวงการสกินแคร์ให้ดีขึ้นต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม


อ่อนโยนต่อผิวคู่กับประสิทธิภาพสูง

ไอเท็มสูตรอ่อนโยนต่อผิวมีจำนวนไม่น้อยในท้องตลาด แต่จุดเด่นของ KraveBeauty ที่เน้นความอ่อนโยนต่อผิวนั้นมีความแตกต่างที่กลายเป็นจุดเด่น คือการทำสูตรอ่อนโยนคู่กับการคงประสิทธิภาพในการบำรุง โดยทีมวิจัยของแบรนด์รวมถึงตัวลีอาเองศึกษาระบบการทำงานของผิวอย่างละเอียดจนได้ข้อสรุปที่ว่าสกินแคร์ของแบรนด์จะเน้นการปรับสมดุลโดยไม่รบกวนการทำงานตามธรรมชาติของผิว พร้อมเสริมเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรงและกลับมาสุขภาพดีเช่นเคย 

ดังนั้นหากคุณต้องการสกินแคร์สูตรอ่อนโยนที่จะช่วยให้ผิวค่อยๆ กลับมาแข็งแรงแบบยั่งยืน สกินแคร์ KraveBeauty คือคำตอบ



WATCH



สกินแคร์ไอเท็มจาก KraveBeauty 

ภาพ: @Kravebeauty

สัญลักษณ์ขีดฆ่าสุดน่ารักที่มีความหมายลึกซึ้ง

บนไอเท็มและแพ็กเกจจิ้งของ KraveBeauty ทุกชิ้นมีสัญลักษณ์ที่คล้ายกับการขีดเขียน ซึ่งนี่เป็นรายละเอียดเล็กๆ ที่แบรนด์ตั้งใจสร้างขึ้น โดยมีรากฐานที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์เมื่อปี 2017 คือความมุ่งมั่นในการกดปุ่มรีเซ็ตค่านิยมหรือมาตรฐานเดิมๆ (Press Reset) เช่น การออกไอเท็มสกินแคร์หลายชิ้นที่เกินจำเป็นและมีความทับซ้อนกันในการใช้งาน หรือรูทีนสกินแคร์สิบขั้นตอนที่แท้จริงแล้วอาจกลายเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผิว ความตั้งใจรีเซ็ตใหม่นี้คือการขีดฆ่าการทำซ้ำตามค่านิยมหรือมาตรฐานเดิมในอุตสาหกรรมสกินแคร์ และการขีดฆ่านี้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ประจำที่ติดอยู่บนผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของแบรนด์

 


“Code Blue” สำหรับอุตสาหกรรมสกินแคร์ 

ไม่เพียงความจริงใจต่อผู้ใช้งานที่กลายเป็นสเน่ห์ของ KraveBeauty แต่ยังรวมถึงความเอาใจใส่ด้านสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน การขยายจำนวนประเภทของสกินแคร์คือหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่แบรนด์ความงามเลือกใช้เพื่อเพิ่มช่องทางรายได้ ซึ่งบางชนิดก็เป็นไอเท็มเดียวกันแต่ถูกจับแต่งตัวและเปลี่ยนชื่อใหม่ พร้อมโยนภาระการบำรุงผิวหลากหลายขั้นตอนไปให้กับผู้ใช้ (หากไม่แน่ใจว่าคุณกำลังหลงไปกับกลยุทธ์นี้หรือไม่ ให้ลองดูที่โต๊ะเครื่องแป้งและสกินแคร์ที่คุณมีอยู่ตอนนี้)

แต่สำหรับลีอาและทีม พวกเขายังคงยืนหยัดในปณิธานที่มี ด้วยตัวบริษัทเองไม่มีนักลงทุนที่เน้นมุ่งหวังกำไร ทำให้เป้าหมายของการทำแบรนด์ไม่ใช่การทำกำไรให้ได้มากที่สุดเป็นอันดับแรก แต่เป็นการทำสกินแคร์ที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดและเป็นกำลังสำคัญในการลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้ไอเท็มสกินแคร์ของ KraveBeauty ในปัจจุบัน มีทั้งหมด 9 ชิ้น และไม่มีการออกไอเท็มใหม่ตามเทรนด์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพื่อลดปัญหาขยะสกินแคร์เกินจำเป็นที่คล้ายกับปัญหา Fast Fashion ในอุตสาหกรรมแฟชั่น

 

ส่วนผสมหลักที่ใช้ในแต่ละไอเท็มก็เป็นส่วนผสม Upcycle เช่น ในเคลนเซอร์ Makeup Re-Wined ใช้ Grapeseed Oil ที่สกัดจากอุตสาหกรรมไวน์ หรือในเซรั่ม Oil La La ใช้ Grapeseed Oil ได้จากอุตสาหกรรมทำแยม 

ปัจจุบัน KraveBeauty ได้รับการรับรองด้านการรักษ์โลกอย่างยั่งยืน ทั้ง Climate Neutral Certified การรับรองสำหรับแบรนด์ที่ลดการทำ Carbon Footprint และ Plastic Neutral Certified การรับรองสำหรับแบรนด์ที่ลดการใช้พลาสติก นอกจากนี้แบรนด์ยังเข้าใกล้การรับรองที่เป็นมาตรฐานสากลอย่าง B Corps อีกด้วย 

 

“สกินแคร์ไม่ใช่เรื่องของการเป็นเทรนด์ เราควรให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาผิวที่เกิดขึ้นแบบปัจเจกมากกว่าตามเทรนด์แบบคนอื่น”  

- ลีอา ยู (Liah Yoo) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ KraveBeauty

 

ในมุมมองของลีอา สกินแคร์ไม่เหมือนกับเมกอัปที่สามารถเปลี่ยนลุคหรือสีสันได้ตามต้องการ และแบรนด์ KraveBeauty เองก็ไม่ได้ออกผลิตภัณฑ์ตามเทรนด์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน เพราะผิวแต่ละคนต้องการการบำรุงที่แตกต่างกัน การเลือกสกินแคร์จึงต้องอิงจากปัญหาผิวที่เรามีมากกว่าอิงตามเทรนด์ที่คนนิยมใช้กัน 

 

Vogue Beauty Thailand: 3 คำสำหรับ KraveBeauty

Liah Yoo : No Bias, Stress Free, Refreshing

สัมภาษณ์ และ เรียบเรียง : ธีรชยา พิมพ์กิติเดช

WATCH