เรื่องราวของผมสวย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้ครีมนวดหรือทรีตเมนต์อย่างเดียวอีกต่อไป ในเบื้องลึกของผิวหนังศีรษะมีโลกขนาดจิ๋วที่เรียกว่า Microbiome คอยทำงานอย่างละเอียดเพื่อรักษาสมดุลและสุขภาพหนังศีรษะ หากสมดุลนี้ถูกทำลาย ปัญหาต่างๆ ตั้งแต่หนังศีรษะแห้ง คัน รังแค ไปจนถึงการหลุดร่วงของเส้นผม อาจตามมาได้ โว้กบิวตี้พามาอธิบายตั้งแต่พื้นฐานว่า Microbiome คืออะไร ทำงานอย่างไร และแนวทางรักษาที่ควรรู้ เพื่อให้เข้าใจเชิงลึกว่าทำไมการดูแลสิ่งนี้จึงสำคัญต่อผมสวยในระยะยาว

ภาพ: istock
-
Microbiome บนหนังศีรษะคืออะไร?
Microbiome หมายถึงประชากรของจุลินทรีย์ (microorganisms) ที่อาศัยอยู่บนผิวหนังศีรษะ ซึ่งรวมทั้งแบคทีเรีย ยีสต์ เชื้อรา ฟังไจ และไวรัสรูปแบบไม่ก่อโรคบางชนิด โดยแต่ละคนจะมีลักษณะประชากรที่แตกต่างกันขึ้นกับพันธุกรรม ไลฟ์สไตล์ สภาพแวดล้อม และการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผม ตัวอย่างเชื้อที่พบได้บ่อยบนหนังศีรษะแบคทีเรีย เช่น Cutibacterium และ Staphylococcus สายพันธุ์ต่างๆ ยีสต์หรือเชื้อรา เช่น Malassezia ซึ่งมีบทบาททั้งในสภาวะปกติและในบางกรณีที่เกิดปัญหาเช่นรังแคหรือผื่นหนังศีรษะ Microbiome ไม่ได้เป็นศัตรูเสมอไป ในหลายสถานการณ์ก็สามารถช่วยปกป้องหนังศีรษะจากเชื้อก่อโรค ปรับระบบภูมิคุ้มกัน และมีส่วนร่วมในการรักษาสมดุลน้ำมันและความชุ่มชื้น

ภาพ: istock
-
ทำไม Microbiome จึงสำคัญต่อสุขภาพผม?
1. ปกป้องหนังศีรษะจากเชื้อก่อโรค กลุ่มจุลินทรีย์ที่ดีแข่งขันกับเชื้อที่เป็นอันตราย หากสมดุลดี เชื้อก่อโรคจะเติบโตได้ยาก
2. ควบคุมความมันบนหนังศีรษะ แบคทีเรียบางชนิดมีบทบาทในกระบวนการเมตาบอลิซึมไขมันที่ผิว ช่วยรักษาระดับซีบัมที่เหมาะสม
3. มีผลต่อการอักเสบและภูมิคุ้มกัน Microbiome ส่งสัญญาณให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองอย่างพอเหมาะ ถ้าผิดปกติอาจเกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งส่งผลต่อรูขุมขนและสุขภาพเส้นผม และการเจริญเติบโตของเส้นผม
4. มีผลต่อปัญหารังแคและหนังศีรษะลอก การเติบโตเกินของ Malassezia หรือการเปลี่ยนแปลงพันธมิตรของจุลินทรีย์อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของรังแคและผื่นผิวหนังศีรษะ
-
ปัจจัยที่ทำให้ Microbiome บนหนังศีรษะเปลี่ยนแปลง
1. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงหรือใช้บ่อยเกินไป เช่น แชมพูที่มีสารซัลเฟตแรง (SLS) หรือผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ทำให้ผิวแห้ง จะชะล้างจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์
2. การใช้ยาปฏิชีวนะ ยาเหล่านี้สามารถรบกวนสมดุลของจุลินทรีย์ทั้งบนผิวและในร่างกาย ฮอร์โมนและพันธุกรรม
3. ฮอร์โมนเพศและพันธุกรรมมีผลต่อการผลิตน้ำมันและชนิดของจุลินทรีย์ที่ชอบสภาพแวดล้อมนั้นๆ
4. โภชนาการและระบบย่อยอาหาร ลำไส้ที่มีสมดุลจุลินทรีย์ไม่ดี อาจสัมพันธ์กับการอักเสบระบบทั่วร่างกายที่กระทบถึงหนังศีรษะ
5. สภาพอากาศและความชื้น อากาศร้อนชื้นเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อบางชนิด ในขณะที่อากาศแห้งอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและมีรังแค
6. ความเครียดและการนอน เพราะความเครียดเรื้อรังและการนอนพักผ่อนน้อยกระทบภูมิคุ้มกันและอาจทำให้สมดุล microbiome ผิดเพี้ยน

ภาพ: istock
-
วิธีดูแลรักษา Microbiome หนังศีรษะ
1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะสม ใช้แชมพูอ่อนโยน หลีกเลี่ยง SLS/SLES รวมถึงการใช้สารเคมีรุนแรง เช่น การย้อมผมบ่อยๆ หรือการทำเคมีที่รุนแรงจนผิวอ่อนแอ (เว้นแต่ทำโดยผู้เชี่ยวชาญและเว้นระยะให้หนังศีรษะฟื้นตัว)
2. ใช้ส่วนผสมที่ช่วยฟื้นฟูแทนการฆ่า เช่น Prebiotics (สารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ที่ดี) จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ สำหรับ Postbiotics บางผลิตภัณฑ์มีสารที่ผ่านการหมักแล้ว ซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบและปรับ microbiome รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์สูง เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและกระทบ microbiome ได้
3. รักษาวิถีชีวิตที่ส่งเสริม microbiome เริ่มจากกินอาหารหลากหลาย มีไฟเบอร์ ผัก ผลไม้ และไขมันดีอย่างโอเมก้า-3 โดยสนับสนุนสุขภาพลำไส้และลดการอักเสบ รวมถึงลดความเครียด นอนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น
4. ใช้การรักษาเฉพาะเมื่อจำเป็น สำหรับรังแค การใช้แชมพูยาที่มีสารออกฤทธิ์ เช่น Ketoconazole, Zinc Pyrithione, Selenium Sulfide, Piroctone Olamine ภายใต้คำแนะนำแพทย์หรือฉลาก สามารถช่วยควบคุมการเติบโตเกินของ Malassezia ได้ หากสงสัยการติดเชื้อแบคทีเรียหรือการอักเสบรุนแรง ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจและให้ยารักษาที่เหมาะสม





