
HAIR
ข้อดี-ข้อเสีย ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจต่อผมการต่อผมเป็นทางลัดเปลี่ยนลุคให้ผมยาวทันใจ แต่ก่อนตัดสินใจจะต่อผมจริง ควรรู้ทั้งข้อดีและข้อเสียก่อน เพื่อชั่งใจว่าการต่อผมจะเหมาะกับตัวเราเองหรือไม่ |
ทางลัดสำหรับคนที่อยากมีผมยาวเร็วทันใจ ถ้าไม่ใส่วิก ก็ต้อง “ต่อผม” นี่แหละที่เสกผมยาวได้ภายในพริบตา แต่เบื้องหลังของผมยาวสวยที่ดูเนียนกริบราวกับไว้ผมยาวมานานหลายปี ยังมีอีกหลายเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจต่อผมจริง ไม่ว่าจะเป็น การต่อผมมีกี่แบบ? อยู่ได้นานไหม? ข้อดี-ข้อเสียของการต่อผมคืออะไร? และมีวิธีดูแลผมต่ออย่างไร? ซึ่งบทความนี้โว้กบิวตี้จะพาไปไขทุกประเด็นที่ควรต้องรู้เรื่องการต่อผม

การต่อผมคืออะไร?
การต่อผม (Hair Extensions) คือเทคนิคเพิ่มความยาวมให้กับเส้นผมด้วยการติดผมเสริมเข้าไปกับผมจริงๆ ของเราผ่านเทคนิคต่างๆ เช่น ติดคลิป ติดเทป หรือแบบถัก โดยเส้นผมที่ใช้ต่อจะมีทั้งแบบผมจริง (Human Hair) และเส้นใยสังเคราะห์ (Synthetic Hair) ซึ่งสามารถเลือกได้ตามงบประมาณและผลลัพธ์ที่ต้องการ
ต่อผมมีแบบไหนบ้าง?
การต่อผมไม่ได้มีแค่วิธีเดียว แต่มีด้วยกันหลากหลายเทคนิคให้เลือกตามไลฟ์สไตล์ งบประมาณ และลุคที่ต้องการ โดยแต่ละแบบล้วนมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป
- ต่อผมแบบติดคลิป (Clip-in Hair Extensions) : เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด สามารถติดถอดได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องใช้กาวหรือความร้อน เหมาะสำหรับเปลี่ยนลุคชั่วคราว เพื่อออกงานหรือถ่ายรูป
- ต่อผมแบบเทป (Tape-in Hair Extensions) : เป็นเทคนิคแปะแผ่นเทปที่ผมจริง ไม่ต้องใช้ความร้อน โดยผมจะติดแน่นในระดับหนึ่ง แต่เบากว่าการต่อแบบกาว ติดทนนานประมาณ 4-8 สัปดาห์
- ต่อผมแบบกาว (Keratin Bond / Fusion Hair Extensions) : เทคนิคนี้จะใช้กาวเคราตินและความร้อนหลอมผมต่อเส้นต่อเส้น ได้ลุคที่เนียนที่สุด และติดทนนาน 2-4 เดือน
- ต่อผมแบบไมโครริง (Micro Ring / I-Tip Extensions) : ใช้วิธีร้อยผมต่อกับผมจริงโดยใช้ห่วงโลหะเล็กๆ (ไม่ใช้ความร้อนหรือกาว) อยู่ได้นานพอสมควร

ข้อดี-ข้อเสีย ของการต่อผมมีอะไรบ้าง?
ข้อดี : การต่อผมไม่ได้แค่ช่วยให้ผมยาวขึ้น แต่ยังเปลี่ยนลุค เพิ่มความมั่นใจ และแก้ปัญหาผมบางได้ทันที และต่อไปนี้คือข้อดีหลักๆ ที่ได้จากการต่อผม
- ผมยาวเร็ว ไม่ต้องรอ : ช่วยให้ผมยาวทันที เปลี่ยนลุคได้ทันใจ
- ผมดูหนาขึ้น : เติมเต็มผมเส้นเล็กหรือผมบาง ให้ทรงผมดูมีน้ำหนักขึ้น
- พรางผมบางหรือผมแหว่งได้ : ผมต่อช่วยพรางหรือปิดบางจุดที่ไม่มั่นใจได้อย่างแนบเนียน
ข้อเสีย : รู้ข้อดีไปแล้ว ก็ต้องรู้ว่าการต่อผมก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น
- เสี่ยงผมร่วง : ถ้าต่อแน่นเกินไป หรือดูแลไม่ดี อาจทำให้รากผมอ่อนแอและเกิดผมร่วงได้
- ดูแลยุ่งยาก : เพราะผมต่อพันกันง่าย ต้องหวีผมเบาๆ และห้ามดึงรั้ง หรือสระผมแรงๆ
- ไม่สบายหัว : หนังศีรษะจะรู้สึกตึงและเจ็บโดยเฉพาะในช่วงที่ต่อผมมาแรกๆ
- ห้ามใช้ความร้อน : หากใช้เส้นผมสังเคราะห์ จะไม่สามารถหนีบหรือม้วนผมด้วยความร้อนได้เลย

วิธีการดูแลผมต่อ
ผมที่ต่อมาจะอยู่ทน หรือหลุดภายในไม่กี่สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการดูแลล้วนๆ เพราะต่อให้ช่างจะมือโปรแค่ไหน ถ้ากลับบ้านไปแล้วดูแลผิดวิธี ก็มีโอกาสทำให้ผมเสีย ผมต่อหลุดก่อนเวลา หรือแย่สุดคือผมจริงร่วง ซึ่งต่อไปนี้คือวิธีการดูแลผมต่อให้อยู่ทนและดูสวยเหมือนต่อมาวันแรก
- หวีผมอย่างเบามือ และเลือกหวีที่เหมาะกับผมต่อ : ควรใช้หวีซี่ห่าง หรือหวีปุ่มนุ่มๆ สำหรับผมต่อโดยเฉพาะ ค่อยๆ หวีจากปลายขึ้นไปถึงโคน หลีกเลี่ยงการดึงแรง เพราะอาจทำให้ผมต่อหลุดหรือดึงรากผมจริงได้
- ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน : ซัลเฟตเป็นสารในแชมพูที่ทำให้ผมต่อหลุดเร็วกว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะผมต่อแบบกาวหรือเทป ฉะนั้นแนะนำให้เลือกใช้แชมพูไม่มีซัลเฟต และไม่ควรใช้ครีมนวดที่โคนผมตรงจุดที่ต่อ เพราะจะทำให้ผมลื่นจนหลุดง่าย
- ปกป้องเส้นผมจากความร้อน : เฉพาะผมต่อที่ใช้ผมจริง ไม่ว่าจะหนีบ ม้วน หรือไดร์ ควรใช้สเปรย์ป้องกันความร้อนก่อนทุกครั้ง นั่นเพราะผมต่อแบบผมจริง ไม่มีรากหล่อเลี้ยง จึงเสียหายได้ง่าย
- กลับไปเติมหรือถอดผมต่อออกเมื่อถึงเวลา : ผมต่อส่วนใหญ่จะอยู่ได้นาน 1-3 เดือน ควรกลับไปให้ช่างดูแล ไม่ควรฝืนใช้เกินเวลาของมัน เพราะผมจะพันกันยุ่ง หรือดึงรากผมจริงเสียหายได้
ข้อมูล : dash-stylists, instyle, latin us beauty
WATCH