เรื่องราวของ Cruella เกิดขึ้นในปี 1970 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของแฟชั่นแนวพังก์  โดย Nadia Stacey นักออกแบบทรงผมและการแต่งหน้าของภาพยนตร์เรื่องนี้ให้สัมภาษณ์ถึงที่มาของทรงผมและเมกอัพของ Estella ซึ่งเป็นลุคแรกก่อนที่จะอัพเกรดตัวเองเป็นนางมารร้าย นักออกแบบต้องการให้ลุคของเธอดูเรียบง่ายด้วยการย้อมผมสีแดงเหมือนเด็กผู้หญิงที่เติบโตขึ้นมาในลอนดอนปี 1970 นอกจากนี้ยังเป็นการปกปิดผมสีขาวดำ ซึ่งเป็นทั้งปมด้อยและตัวตนที่แท้จริงของเธออีกด้วย

     หลังจาก Estella ถูกครอบงำด้วยความแค้นจนกลายเป็น Cruella จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าสไตล์การแต่งหน้าและเสื้อผ้าดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงเป็นการกลับมาของผมสีขาวดำที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอด้วย แต่ทุกครั้งที่เธอเผชิญหน้ากับ Baroness ใบหน้าของเธอจะถูกตกแต่งด้วยเมกอัพที่เปรียบเสมือนหน้ากาก ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากขนนก, การเพ้นท์หน้าด้วยข้อความ " THE FUTURE " (อนาคต) และการแต่งตาด้วยเพชร เป็นต้น เนื่องจากนักออกแบบต้องการจะสื่อถึงการปกปิดตัวตัวที่แท้จริงของตัวละครภายใต้หน้ากากนั่นเอง

     โดยการเพ้นท์หน้าสีดำด้วยข้อความ "THE FUTURE" ถือเป็นการจิกกัด Baroness อย่างเจ็บแสบว่าเธอคืออนาคตของแฟชั่น โดยใช้อักษรเดียวกันกับปกอัลบั้ม Never Mind The Bollocks ในปี 1977 ของวงพังค์ร็อกระดับตำนาน อย่าง Sex Pistols ตัดกับริมฝีปากสีแดงประดับคริสตัลเพื่อให้องค์ประกอบบนใบหน้าดูนุ่มนวลขึ้น

     สุดท้าย เมื่อตัวละคร Cruella ผลักตัวเองเข้าสู่ด้านมืดอย่างเต็มตัว สไตล์การแต่งหน้าของเธอดูเข้มและเฉี่ยวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วงท้ายเรื่องเธอกลายเป็น Cruella ที่สวย มีเสน่ห์ และสมบูรณ์แบบมากที่สุด

     นอกจากสไตล์การแต่งหน้าของ Cruella จะถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างลึกซึ้งแล้ว นักออกแบบยังให้ความสำคัญกับตัวละครอื่นไม่แพ้กัน ทำให้ทุกคนมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนและโดดเด่นไม่แพ้ตัวละครหลักเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่คอแฟชั่นไม่ควรพลาด!