BODY

นี่คือกฎการเลเยอร์น้ำหอม 2 กลิ่น สร้างกลิ่นหอมใหม่ที่มีมิติ ไม่ตีกันเอง!

สร้างสัมผัสแห่งกลิ่นหอมในแบบที่ไม่มีใครเหมือน ด้วยเทคนิคการเลเยอร์น้ำหอมสองกลิ่นเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างกลิ่นใหม่ที่หอมล้ำลึก ในแบบที่กลิ่นไม่ตีกันจนเวียนหัว

     น้ำหอมที่กว่าฉีดเดี่ยวๆ ว่าหอมแล้ว รู้หรือไม่ยังมีเทคนิคที่เรียกว่า “การเลเยอร์น้ำหอม” หรือการฉีดน้ำหอมซ้อนทับสองกลิ่นเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างกลิ่นหอมใหม่ที่ยูนีก เป็นเสน่ห์แห่งกลิ่นหอมที่ไม่มีใครเหมือน และไม่มีใครเคยได้สัมผัส อย่างไรก็ตามการเลเยอร์น้ำหอมก็ต้องอาศัยความเข้าใจด้วยเช่นกัน ถ้าฉีดแบบตามใจไร้หลักการ น้ำหอมอาจกลายเป็นกลิ่นประหลาด หรือกลิ่นตีกันเองจนชวนเวียนหัวเอาได้ เพราะฉะนั้นใครที่อยากลองเลเยอร์น้ำหอมด้วยตัวเอง โว้กบิวตี้ก็แนะนำให้ลองพิจารณาทำตามกฎเหล่านี้

 

 

เลือกจับคู่น้ำหอมที่ Base Notes ไปด้วยกันได้

     ก่อนจะเริ่มจับคู่กลิ่นน้ำหอม สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการเข้าใจโครงสร้างของกลิ่นเสียก่อน เพราะน้ำหอมทุกขวดล้วนมี “โน้ต” หรือชั้นกลิ่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา โดยเริ่มจาก Top Notes กลิ่นแรกที่สัมผัสได้ทันทีหลังฉีด ต่อด้วย Middle Notes กลิ่นหลักที่เผยออกมาเมื่อเวลาผ่านไปเล็กน้อย และปิดท้ายด้วย Base Notes กลิ่นสุดท้ายที่แนบอยู่กับผิวและติดทนนานตลอดวัน ดังนั้นกฎข้อแรกของการเลเยอร์น้ำหอม คือควรเลือกกลิ่นที่มี Base Notes ไปในทิศทางเดียวกัน หรืออย่างน้อยให้เข้ากันได้ 

 

เลือกกลิ่นที่อยู่ในโทนใกล้กันหรือเสริมกัน

     กฎข้อ 2 คือการแมตช์คาแร็กเตอร์ของน้ำหอมให้เข้ากัน หลักการง่ายๆ คือเลือกกลิ่นที่อยู่ในโทนใกล้กันหรือเสริมซึ่งกันและกัน เช่น เช่น ฟลอรัล-มัสก์หรือวู้ดดี้ ให้ความหอมหวานหรูหรา, ซิตรัส-กรีนหรือเฮิร์บ มอบความหอมสดชื่นเป็นธรรมชาติ, หรือวานิลลา-แอมเบอร์หรือออเรียนทัล ที่ให้กลิ่นหอมแบบเซ็กซี่นุ่มลึก เป็นต้น

 

 

ฉีดจากกลิ่นเบาไปหาหนัก

     เมื่อจับคู่น้ำหอมได้แล้ว ยังจะต้องใช้กฎข้อ 3 คือเรียงลำดับการฉีดจากกลิ่นเบาไปหากลิ่นหนัก โดยเหตุผลที่ต้องเริ่มจากกลิ่นเบาก่อนก็เพราะหากฉีดด้วยกลิ่นที่เข้มกว่าก่อน ก็จะทำให้กลิ่นเบากว่าถูกกลบจนหายไป 

Editor’s Tips: เริ่มฉีดที่น้ำหอมที่มีความเบาบาง เช่น ซิตรัสหรือฟลอรัลก่อน แล้วค่อนตามด้วยกลิ่นที่หนักกว่า เช่น วู้ดดี้หรือแอมเบอร์ เพื่อให้กลิ่นเบาโอบอวลรอบตัว ก่อนเติมความเข้มข้นและลุ่มลึกด้วยกลิ่นที่เข้มขึ้น

 

แบ่งจุดฉีดให้เหมาะสม

     เพราะตำแหน่งการฉีดน้ำหอมมีผลต่อการกระจายตัวของกลิ่น เพราะฉะนั้นกฎข้อที่ 4 คือการแบ่งจุดฉีดให้เหมาะสม ดังนี้ เริ่มที่ฉีดน้ำหอมกลิ่นแรกแบบกว้างๆ เช่น บริเวณเส้นผมหรือเสื้อผ้า เพื่อสร้างกลิ่นอบอวลรอบตัว จากนั้นฉีดน้ำหอมกลิ่นที่ 2 ในจุดชีพจรต่างๆ เช่น ข้อมือ คอ หรือหลังหู เพื่อใช้ความร้อนจากร่างกายดันให้กลิ่นลอยขึ้นอย่างนุ่มนวล วิธีนี้ช่วยให้แต่ละกลิ่นทำงานได้อย่างเต็มที่ เกิดมิติซับซ้อนที่สร้างกลิ่นใหม่ โดยกลิ่นไม่แย่งซีนกันเอง 

 



WATCH



 

ลองเทสต์ก่อนใช้จริง

     กฎข้อสุดท้ายคืออย่าลืมทดลองก่อนใช้จริง เพราะหากฉีดสุ่มสี่สุ้มห้า โดยไม่ทดสอบก่อนล่วงหน้า ผลลัพธ์กลิ่นที่ออกมาอาจไม่เป็นอย่างที่จินตนาการไว้ ทางที่ดีที่สุดคือลองเทสต์การเลเยอร์กลิ่นที่เลือกไว้ก่อน แล้วสังเกตว่ากลิ่นผสมผสานกันออกมาเป็นอย่างไร ตรงกับความต้องการหรือไม่ ซึ่งการเทสต์ล่วงหน้าแบบนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าน้ำหอมทั้ง 2 กลิ่นเข้ากันได้อย่างลงตัวจริงๆ 

 

ภาพ : Pexel

WATCH