น้ำหอมเป็นไอเท็มที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับผู้ฉีด เพราะทำให้คนรอบข้างประทับใจและเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง นอกจากนี้ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ของเราให้ดูมีบุคลิกที่ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งน้ำหอมที่เราใช้เป็นประจำจะมีลักษณะเป็นน้ำหอมแบบเหลวของขวดสเปรย์ฉีด มาพร้อมกับแพ็กเกจจิ้งสวยงามที่ชวนให้น่าสะสม แต่รู้หรือไม่ว่าน้ำหอมยังมีแบบแข็งหรือในรูปแบบของเนื้อสัมผัสบาล์มอีกด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเภทของน้ำหอมที่หลายคนให้ความสนใจไม่น้อย เพราะมีคุณสมบัติคล้ายกับน้ำหอมปกติทั่วไป แต่พกพาง่ายและราคาย่อมเยามากกว่านั่นเอง โว้กบิวตี้พาไปทำความรู้จักเพิ่มเติมกับน้ำหอมทั้งสองชนิดนี้ เพื่อช่วยให้ง่ายต่อการตัดสินใจเลือกซื้อน้ำหอมแต่ละชิ้น
Liquid Perfume
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงคำว่า ‘น้ำหอม’ ภาพที่เรานึกขึ้นในหัวก็คงจะไม่พ้นน้ำหอมขวดสเปรย์ฉีดที่มาพร้อมกับแพ็กเกจจิ้งสุดเก๋ที่สามารถสื่อถึงกลิ่นหอมของน้ำหอมชิ้นนั้นได้ น้ำหอมแบบเหลว มีส่วนผสมหลักของน้ำมันหอมระเหย แอลกอฮอล์ และน้ำ โดยแอลกอฮอล์และน้ำ จะถูกนำมาใช้เป็นตัวทำละลายในการเจือจางน้ำมันหอมระเหย เพื่อให้น้ำหอมมีจุดแข็งของกลิ่นที่แตกต่างกัน ซึ่งน้ำมันหอมระเหยที่ใช้มีทั้งที่ได้มาจากธรรมชาติ และน้ำมันหอมที่สังเคราะห์ได้จากสารเคมีในห้องปฏิบัติการ ส่วนใหญ่น้ำหอมที่ถูกผลิตขึ้นในปัจจุบัน จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสังเคราะห์มากกว่า เนื่องจากสามารถควบคุมคุณภาพและกระบวนการผลิตได้ดีกว่าส่วนผสมจากธรรมชาติ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะเลียนแบบกลิ่นหอมจากธรรมชาติด้วยสารที่สังเคราะห์ขึ้นมานั่นเอง
ข้อดีของน้ำหอมแบบเหลวคือให้กลิ่นที่ค่อนข้างติดทนนาน เพราะมีให้เลือกหลายระดับความเข้มข้น ตั้งแต่ระดับ Parfum (หรือ Perfume) ระดับความเข้มข้นของน้ำหอม 15-40%, Eau de Parfum ระดับความเข้มข้นของน้ำหอม 15-20%, Eau de Toilette ระดับความเข้มข้นของน้ำหอม 5-15%, Eau de Cologne ระดับความเข้มข้นของน้ำหอม 2-4% และ Eau Fraiche ระดับความเข้มข้นของน้ำหอม 1-3% นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับหลายขนาด ไม่ว่าจะเป็น 100 ML, 50 ML และ 30 ML จึงมีตัวเลือกให้สามารถพกติดตัว เดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศได้ทั้งขวด แต่ในบางครั้งถ้าเราเก็บรักษาไม่ดีอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันอย่างขวดน้ำหอมแตกได้ หลายคนจึงนิยมซื้อขวดแบ่งน้ำหอมขนาดเล็กมาถ่ายใส่ขวดเล็กแทน


Nomade Nuit D’Égypte Eau De Parfum จาก Chloé (ราคา 5,360 บาท)
Balm Perfume
หลายคนอาจไม่เคยเห็นน้ำหอมแบบแข็งมาก่อน เราจะพามาทำความรู้จักกับน้ำหอมแบบแข็งเพิ่มเติมกัน น้ำหอมแบบแข็งหรือน้ำหอมแบบบาล์ม มีส่วนผสมหลักของพาราฟินเหลวหรือขี้ผึ้งและน้ำมันหอมระเหย เมื่อขี้ผึ้งพาราฟินเหลวผสมกับน้ำมันหอมระเหย โดยวิธีการควบแน่นจะสามารถสร้างน้ำหอมที่มีกลิ่นอ่อนกว่าน้ำหอมแบบเหลว แต่สามารถคงความหอมได้ยาวนานกว่า จะไม่ระเหยง่าย ติดทนได้ประมาณ 4-6 ชั่วโมง นอกจากนี้บางแบรนด์อาจเลือกใช้เชียบัตเตอร์แทนพาราฟิน เพราะมีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวในคราวเดียวกัน
ข้อดีของน้ำหอมแบบบาล์มคือพกพาง่าย ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบของตลับหรือแท่งหมุน ไม่เสี่ยงต่อการตกแตก นอกจากนี้ยังมีให้เลือกหลากหลายความเข้มข้น ทั้งแบบ Colonge, Eau de Parfum และ Eau de Toilette จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความติดทนยาวนานตลอดทั้งวัน แถมยังใช้งานง่าย เพียงแค่เปิดผลิตภัณฑ์มาแล้วใช้นิ้วแต้มตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนเดียวกันกับการใช้น้ำหอมแบบเหลว รวมถึงมีราคาที่ค่อนข้างถูกกว่าน้ำหอมแบบเหลว เพราะแพ็กเกจจิ้งมีต้นทุนที่ต่ำกว่า เน้นการใช้งานที่สะดวกมากกว่าความสวยงามของแพ็กเกจจิ้งนั่นเอง







