BODY

สีของประจำเดือนบ่งบอกอะไร...เผยความรู้สีรอบเดือนให้หายสงสัย สีแบบใดที่เข้าข่ายผิดปกติ

สีของประจำเดือนแต่ละสีมีความหมายว่าอย่างไร โว้กบิวตี้มีคำตอบ

     หากวันหนึ่งพบว่าประจำเดือนของเราเปลี่ยนเป็นสีอื่นที่ไม่ใช่สีแดง ไม่ต้องตกใจไปเพราะเลือดของประจำเดือนไม่ได้เป็นสีแดงเสมอไป ซึ่งสีของประจำเดือนที่ต่างกันอาจมีความหมายได้หลายอย่าง โดยสีที่ผิดไปจากเดิมบางสีก็ไม่มีอะไรน่ากังวล แต่บางสีอาจเป็นสัญญาณปัญหาสุขภาพที่ควรไปพบแพทย์  มาดูกันว่าสีของประจำเดือนตั้งแต่สีแดงสดไปจนถึงสีดำและสีอื่นๆ นั้นบ่งบอกถึงอะไรบ้าง และเมื่อพบควรทำอย่างไร

 

 

ประจำเดือนสีแดงสด

     ประจำเดือนสีแดงสดเกิดจากการไม่มีเวลามากพอให้ออกซิไดซ์ (การทำปฏิกิริยากับออกซิเจน) มักเกิดขึ้นเมื่อประจำเดือนมามาก และมีการไหลออกจากร่างกายอย่างคงที่ ทำให้ประจำเดือนเป็นสีแดงสดซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ

 

 

ประจำเดือนสีชมพู

     ประจำเดือนสีชมพูอาจปรากฏขึ้นเมื่อเริ่มมีประจำเดือน เพราะมักมีตกขาวปนเลือดออกมาซึ่งโดยปกติแล้วไม่มีอะไรต้องกังวล นอกจากนี้ยังสามารถปรากฏขึ้นได้หากมีการคุมกำเนิด เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงจะทำให้ประจำเดือนเป็นสีชมพู 

 



WATCH



 

ประจำเดือนสีแดงเข้ม หรือสีน้ำตาล

     เลือดประจำเดือนสีแดงเข้มหรือสีน้ำตาลนั้นไม่มีอะไรน่ากังวล สาเหตุหลักที่ทำให้เลือดประจำเดือนเป็นสีน้ำตาลก็เพราะเป็นเลือดเก่าที่ค้างอยู่นั่นเอง ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงต้นหรือปลายของการมีประจำเดือน รวมถึงเมื่อเลือดมีความเจือจาง และต้องใช้เวลานานกว่าจะขับออกจากร่างกาย ก็ต้องมีการออกซิไดซ์นานขึ้น นั่นล่ะที่ทำให้สีประจำเดือนเข้มขึ้น และอีกสาเหตุหนึ่งของเลือดที่สีเข้มกว่าปกติคือ “Implantation Bleeding” หรือที่ชอบเรียกกันว่า “เลือดล้างหน้าเด็ก” ซึ่งเป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นเมื่อตั้งครรภ์ประมาณ 2 สัปดาห์

 

 

ประจำเดือนสีดำ

     ประจำเดือนที่มีสีเข้มยิ่งกว่าสีน้ำตาลจนเห็นเกือบเป็นสีดำ เป็นไปได้ว่าจะเป็นเลือดที่ตกค้างในร่างกายเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังอาจเป็นสัญญาณที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ (ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นประมาณ 1-3 วันเท่านั้น) ซึ่งอาจเป็นเลือดออกจากการฝังตัวอ่อน หรืออาจเป็นสัญญาณของการแท้งบุตร อย่างไรก็ดี ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ

 

 

ประจำเดือนสีส้ม

     หากเห็นประจำเดือนเป็นสีส้ม นั่นอาจไม่ใช่แค่เลือดประจำเดือนเท่านั้น แต่อาจเป็นเลือดผสมกับตกขาวที่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis) ซึ่งเป็นการอักเสบที่เกิดจากความไม่สมดุลของแบคทีเรีย หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพราะฉะนั้นหากพบว่าประจำเดือนสีส้มก็ควรไปพบแพทย์ทันที

 

 

ประจำเดือนสีเทา

     ประจำเดือนสีเทาเป็นอีกกรณีของตกขาวปนกับเลือดประจำเดือน โดยสีเทาอาจเป็นสัญญาณของภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis) ซึ่งอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาการคันและมีกลิ่นคาว หากพบว่ามีประจำเดือนสีเทาก็ควรไปพบแพทย์เช่นกัน

 

 

ประจำเดือนสีเขียว

     ประจำเดือนสีเขียวอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย โรคพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง อย่างไรแล้วหากพบประจำเดือนเป็นสีเขียวก็ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย โดยสังเกตว่ามีอาการร่วมกับความผิดปกติอื่นๆ อีกหรือไม่

 

ประจำเดือนเป็นลิ่มเลือด

     อย่าเพิ่งตื่นตระหนกหากพบว่าประจำเดือนมีลักษณะเป็นก้อนลิ่มเลือดสีแดงสด หรือสีแดงเข้มคล้ายวุ้น เนื่องจากพวกมันมักจะเป็นเซลล์เม็ดเลือดและเนื้อเยื่อปกติ ซึ่งเป็นภาวะสุขภาพที่ปกติและไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าหากเมื่อไหร่สังเกตว่ามีลิ่มเลือดขนาดใหญ่ นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติในระบบสืบพันธุ์เพศหญิงก็ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจสอบ

 

     นอกเหนือไปจากสีของประจำเดือนแล้ว อีกสิ่งที่เราควรสังเกตอยู่เสมอคือปริมาณและระยะเวลาของการมีประจำเดือนในแต่ละรอบ โดยปริมาณประจำเดือนที่ปกตินั้นไม่ควรเกิน 80 ซีซี หรือเทียบได้กับผ้าอนามัยประมาณ 3-4 ผืนต่อวัน และระยะเวลาที่ประจำเดือนมาก็ไม่ควรนานเกิน 7 วัน แต่เมื่อไหร่ที่พบว่าประจำเดือนมีลิ่มเลือดใหญ่ มานานและมาเยอะผิดปกติ พร้อมมีอาการอ่อนเพลีย เฉื่อยชา หรือออาการแปลกๆ อื่นใดร่วมด้วย ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยจะดีที่สุด

ข้อมูล : The Skimm’

WATCH

คีย์เวิร์ด: #PeriodColor