หนึ่งในปัญหาของสาวส่วนใหญ่คือการมี ‘เซลลูไลต์’ ในบริเวณต้นแขน ต้นขา สะโพก หรือหน้าท้อง ทำให้เกิดเป็น ‘ผิวเปลือกส้ม’ ที่ดูไม่เรียบเนียน ส่งผลต่อความมั่นใจในการแต่งตัว ดังนั้นสำหรับสาวๆ ที่กำลังประสบปัญหานี้ การทำความรู้จักกับเจ้าเซลลูไลต์ตัวร้ายว่าคืออะไรกันแน่ จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อหาทางรับมืออย่างเหมาะสมและยั่งยืน

 

เซลลูไลต์คืออะไร

     เซลลูไลต์คือไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในชั้นใต้ผิวหนัง โดยบริเวณที่มักจะเกิดเซลลูไลต์คือต้นขา ต้นแขน สะโพก และหน้าท้อง ซึ่งตามหลักชีววิทยา บริเวณเหล่านี้เป็นบริเวณสะสมไขมันของผู้หญิงโดยธรรมชาติ เมื่อมีปริมาณไขมันสะสมที่มากเกินไปจึงทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นๆ ขรุขระ เกิดตะปุ่มตะป่ำ ไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอ จนมีลักษณะคล้ายกับผิวของเปลือกส้ม จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกว่า ‘ผิวเปลือกส้ม’ นั่นเอง

     และไม่เฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าเกณฑ์เท่านั้นที่มีเซลลูไลต์ แต่ผู้ที่มีน้ำหนักตามเกณฑ์หรือน้อยกว่าเกณฑ์ก็มีโอกาสเกิดเซลลูไลต์ได้เช่นกัน

 

สาเหตุการเกิด

     สาเหตุการเกิดเซลลูไลต์นั้นมีความเป็นไปได้หลายอย่าง โดยทางการแพทย์เชื่อว่าเป็นการสะสมของไขมันที่มากจนเกินไปดังที่กล่าวไปข้างต้น อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย

1. ไขมันส่วนเกิน

     ไขมันที่สะสมมากเกินไปจนเกิดการจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อน โดยมีคอลลาเจนมาล้อมรอบกลุ่มก้อนไขมันนั้น ส่งผลให้หลอดเลือดบริเวณนั้นไหลเวียนได้ไม่ดี จนเซลล์ผิวหนังเกิดการดึงรั้งให้เห็นกลุ่มก้อนไขมันได้ชัดเจนขึ้น

2. ฮอร์โมน

     สาเหตุที่พบเซลลูไลต์ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเป็นเพราะฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยเฉพาะผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดหรือคุณแม่หลังคลอดจะมีโอกาสเกิดเซลลูไลต์มากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นช่วงที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่ในระดับสูง (อย่างไรก็ตาม แม่จะมีโอกาสเกิดน้อยกว่า แต่เซลลูไลต์ก็สามารถเกิดในผู้ชายได้เช่นกัน)

3. กรรมพันธุ์

     สาวๆ คนไหนที่คนในครอบครัวมีปัญหาเรื่องเซลลูไลต์ ก็จะมีโอกาสเกิดเซลลูไลต์สูงกว่าสาวๆ คนอื่นๆ ซึ่งกรรมพันธุ์นับเป็นปัจจัยที่ส่งผลค่อนข้างมากต่อการเกิดเซลลูไลต์

4. อาหาร

     แน่นอนว่าการรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงนั้นเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดเซลลูไลต์ เช่น ของทอด ของหวาน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ เพราะเป็นกลุ่มอาหารที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมัน และเมื่อรับประทานในปริมาณมากก็จะทำให้เกิดการสะสมไขมันในปริมาณมากตามไปด้วย

5. ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง

     ยิ่งมีอายุมากขึ้น ระบบเผาผลาญก็จะยิ่งทำงานได้น้อยลง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ใหญ่อ้วนง่าย และเกิดการสะสมของไขมันง่ายกว่าเด็กๆ นอกจากนี้ยังมีปัญหาสุขภาพบางประการที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกายด้วย อาทิ โรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย (Hypothyroid)

6. การดื่มน้ำไม่เพียงพอ

     การดื่มน้ำให้เพียงพอส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองในร่างกายให้เป็นไปได้ด้วยดี ดังนั้นเมื่อร่างกายขาดน้ำจึงส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดด้วย และเมื่อเลือดไหลเวียนได้ไม่ดีก็จะส่งผลต่อเซลล์ผิวหนังตามที่กล่าวไปในข้อ 1.

 

การรับมือ

     เมื่อรู้สาเหตุของการเกิดเซลลูไลต์แล้วก็สามารถหาวิธีรับมือได้ไม่ยาก แม้ในส่วนของฮอร์โมนและกรรมพันธุ์นั้นเป็นสิ่งที่สาวๆ คงไม่สามารถทำอะไรได้มากนักนอกจากทำความเข้าใจ แต่ในส่วนอื่นๆ สามารถปรับการใช้ชีวิตเพื่อลดโอกาสเกิดเซลลูไลต์ได้ โดยการเลือกรับประทานอาหาร ลดอาหารจำพวกของทอดและของหวานเพื่อลดการสะสมของไขมัน ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันเพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด และออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาทีเพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     อย่างไรก็ตาม วิธีข้างต้นจำเป็นต้องใช้เวลาเพราะเป็นการแก้ปัญหาจากสาเหตุ ซึ่งถ้าหากไม่รวดเร็วทันใจก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดเซลลูไลต์ร่วมด้วยได้ ไม่ว่าจะเป็นครีมทาผิวหรือครีมอาบน้ำ เพื่อผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น แต่หากสาวๆ ใจร้อนกว่านั้น การเข้าคลินิกเสริมความงามเพื่อสลายเซลลูไลต์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถทำได้