FASHION

โว้กประเทศไทยร่วมไขรหัสความสำเร็จของ Code Coco นาฬิกาดีไซน์ร่วมสมัยแห่งปีจาก Chanel ณ กรุงโซล

ความเก๋และคลาสสิคครั้งใหม่ของสาว Chanel

“คลิก!” เสียงสุดท้ายดังขึ้นเมื่อกระบวนการล็อกขั้นสุดท้ายของการสวมนาฬิการุ่น Code Coco เสร็จสิ้น โว้กมีโอกาสลองสวมไทม์พีซชิ้นเก๋นี้ด้วยแล้วก็รู้สึกได้ทันทีถึง “ความลับอันทรงเสน่ห์” ที่ถูกวางแผนไว้อย่างแยบยล ตั้งแต่ขั้นตอนแรกที่ตวัดสายสตีลลายควิลต์จากด้านหลังมาโอบล้อมข้อมือเพื่อไปประกบกับตัวล็อก ก่อนกดล็อกดังคลิกบริเวณหน้าปัดและปิดท้ายด้วยการบิด Mademoiselle Lock เหมือนกระเป๋าชาเนลรุ่น 2.55 ในขนาดย่อส่วน จากนั้นการทดลอง “พลิกล็อก” ก็เกิดขึ้น คือถ้าหมุนตัวล็อกขึ้นนาฬิกาจะเปลี่ยนเป็นกำไลข้อมือวงงาม แต่หากหมุนกลับมาก็จะกลายเป็นเครื่องบอกเวลาดังเดิม นับว่าเป็นวิธีการใส่นาฬิกาที่ทั้งสนุกและคาดไม่ถึงทีเดียว นี่คืออีกหนึ่งความลับจาก Code Coco ที่ซ่อนเสน่ห์เอาไว้อย่างแนบเนียน

บรรยากาศของงานเปิดตัวรอบสื่อที่ Moss Studio ในย่านกังนัมคึกคักมาก ภายในห้องโถงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าคุมโทนด้วยคู่สีขาวและดำที่ Gabrielle Coco Chanel โปรดปราน บริเวณทางเข้ามีกระจกสูงวางต่อกันเป็นริ้วๆ เหมือนทางขึ้นบันไดอพาร์ตเมนต์ของกาเบรียล เลขที่ 21 ถนนกอมบงในกรุงปารีส โถงส่วนกลางจัดวางชุดโซฟาหนังสีดำดีไซน์โมเดิร์น ซึ่งบรรดาสื่อและ KOL จากประเทศต่างๆ มานั่งจับจองกันเพื่อลองนาฬิการุ่นดังกล่าว นี่คงเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของแบรนด์ที่ต้องการตีความเคหสถานของผู้ก่อตั้งแบรนด์ออกมาใหม่ในสไตล์ร่วมสมัย เห็นได้ชัดจากบริเวณสุดทางเดินที่มีจอทีวีเล็กๆ เรียงติดกัน ฉายภาพยนตร์ขาว-ดำที่สอดคล้องกับภาพถ่ายโมโนโทนซึ่งแขวนเรียงรายบนผนังทั้งสองข้าง โดยแต่ละเฟรมจัดวางเป็นโซนๆ เสมือนเราได้เข้าไปในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังหนึ่ง (ซึ่งแปรสภาพให้เป็นกึ่งอาร์ตแกลเลอรี) มีทั้งโซฟา ทีวี และภาพแขวนต่างๆ รวมถึงขนมนมเนยไว้สำหรับต้อนรับแขก

หลังจากชื่นชมความเก๋ของ Code Coco อยู่พักหนึ่ง เราก็ลุกไปเดินชมรูปภาพของเจ้าบ้านบ้าง บุคคลในภาพมีตั้งแต่ Stella Tennant นางแบบรายแรกผู้เผยโฉม Code Coco ตามมาด้วย Alice Dellal สาวสังคมชื่อดัง จนถึงกลุ่มสาวเก๋ผู้อยู่เบื้องหลังบ้านชาเนลอันประกอบด้วย Virginie Viard มือขวาของ Karl Lagerfeld, Lucia Pica ครีเอทีฟและเมกอัพไดเร็กเตอร์ฝั่งบิวตี้, Agnès Liely หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อและสร้างสรรค์ประจำแบรนด์, Kim Young-Seongหัวหน้าสตูดิโอเรดี้ทูแวร์ รวมทั้งกลุ่มเซเลบริตี้สายบันเทิง Anna Mouglalis นางแบบสาว, Alma Jodorowsky นักร้อง/นักแสดง และ Deniz Gamze Ergüven ผู้กำกับหญิงที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ 

นอกจากภาพถ่ายทั้งสี่โซนแล้ว อีกหนึ่งความสนุกของนิทรรศการครั้งนี้ก็คือบรรดากล่องปริศนาที่วางปนเปกับเฟรมภาพ รอให้ผู้มาเยือนร่วมกันไขความลับ ค้นหาคำตอบที่เชื่อมโยงกับนาฬิกา Code Coco มีทั้งกล่องที่เปิดได้และไม่ได้ บางกล่องมีไว้เพียงเพื่อฟังเพลง บ้างก็เปิดไปเจอสายนาฬิกาสตีลในรูปแบบ Sculpture Art บ้างก็มีเพียงตัวมาดมัวแซลล็อกให้ลองหมุนไปหมุนมา บางกล่องสามารถส่องมองเห็นเพชรรูปแบบ 3 มิติพร้อมกับคำอธิบายสั้นๆ แต่ได้ใจความติดอยู่บนผนังว่า “A JEWEL.A WATCH. CODES

 

S(e)oul Sisters

เมื่อถึงเวลาค็อกเทลปาร์ตี้ยามค่ำคืน สตูดิโอแห่งนี้ก็เปลี่ยนเป็นแหล่งนัดพบของเหล่าเซเลบริตี้ชาวเกาหลี ไฟถูกหรี่ให้มืดลง แต่ยังมีแสงสลัวจากจอแอลซีดีที่ฉายภาพยนตร์แก๊งสาวๆ ซาวด์อิเล็กทรอนิกส์แสนเก๋สปินผ่านแผ่นเสียงโดยดีเจ ระรัวคู่กับแสงแฟลชจากกล้องที่รุมกันถ่ายดารา นักร้อง นางแบบ และอินฟลูเอนเซอร์ระดับเอลิสต์ เราสวนกับนางแบบสาว Irene Kim ที่มาในชุดสีขาวฉลุลายของชาเนล เลยขอให้ไอรีนทักทายผู้อ่านโว้กประเทศไทยเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ รวมถึงคู่พี่น้องซูเปอร์สตาร์ Jessica Jung (อดีตนักร้องวง Girls’ Generation) และน้องสาว Krystal Jung ทั้งคู่เป็นที่รู้จักในนาม #Jungsis นอกจากนี้ยังมี Jihye Park นางแบบดาวรุ่งหน้าเก๋ที่กำลังถูกจับตามอง Oh Yeon-Seo นักแสดงชื่อดังจากซีรี่ส์ My Sassy Girl ลูกหนัง-ศีตลา วงษ์กระจ่าง นางแบบสาวคลื่นลูกใหม่ในเกาหลีที่เป็น KOL ให้กับแบรนด์ ทุกคนปรากฏกายในชาเนลโททัลลุค และแน่นอนว่าที่ข้อมือต้องมี Code Coco บางคนใส่ 2 เรือนเลยแบบกำไลข้อมือ สร้างสไตล์ที่เท่และแตกต่าง เหมือนที่ Kim Young Seong หนึ่งในเฟซจากแคมเปญนี้บอกไว้ว่า “หญิงสาวของชาเนลคือผู้ที่ยอมรับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง และนั่นแหละที่ทำให้พวกเธอโมเดิร์นสุดๆ”

S(e)oul-So Bling!

ก่อนหน้านี้เรามีโอกาสเห็นนาฬิกา Code Coco เพียง 2 รุ่น คือรุ่นตัวเรือนสตีลขับเคลื่อนความร่วมสมัยด้วยเพชรบนหน้าปัดเพียงเม็ดเดียว กับรุ่นที่เติมความแกลมขึ้นอีกหน่อยด้วยหน้าปัดตัวล็อกล้อมเพชร แต่ในงานเปิดตัวครั้งนี้ ชาเนล ได้อวดโฉมโมเดลพิเศษจากไลน์ในชื่อ Baselstar ด้วยซึ่งหมายถึงดวงดาวที่เปล่งประกายระยิบระยับ ด้วยการประดับเพชรน้ำงามเต็มพื้นที่ ตัวเรือนและเข็มนาฬิกาทำจากทองคำขาว 18K ประกอบไปด้วยเพชรทรงเหลี่ยมเกสร พรินเซสคัต และทรงแบเกตรวมน้ำหนัก 56.47 กะรัต เชื่อแน่ว่ารุ่นนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่งชิ้นน่าสะสมแห่งปีแน่นอน



WATCH




WATCH